หลายคนที่ติดตามข่าวศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC (International Criminal Court) ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ นำตัวอดีตประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ชื่อ Rodrigo Duterte ไปสอบปากคำพิจารณาคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยได้กระทำเรื่องฆ่าคนจำนวนมาก
(มีข้อมูลว่ามีผู้ตายเพราะนโยบายนี้ประมาณ 7 พันคน) ในระหว่างที่อ้างว่าทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในประเทศ แล้วตั้งคำถามว่าทำไม ICC มีอำนาจนำตัว
ดูเตอร์เตไปสอบสวนดำเนินคดี แต่ทำไมไม่เชิญตัวทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งทำสงครามปราบปรามยาเสพติดเช่นกัน ในยุคที่ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการกระทำในครั้งนั้นทำให้มีประชาชนล้มตายไปนับพันราย
เราไปฟังความเห็นจาก รศ.สีดา สอนศรี อดีตคณบดี วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และอดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ โดยอาจารย์สีดา ได้กรุณามอบบทความให้กับคอลัมน์นี้
การทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในฟิลิปปินส์สมัยอดีตประธานาธิบดี Rodrigo Roa Duterte ซึ่งจะเรียกต่อไปว่าดูเตอร์เต เป็นนโยบายที่สุดท้ายแล้วส่งผลให้เขาถูก International CriminalCourt หรือศาลอาญาระหว่างประเทศ จับกุมตัวในฐานะอาชญากร เมื่อเร็วๆ นี้
ดูเตอร์เต ออกนโยบายปราบปรามยาเสพติด ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ระหว่าง 30 มิถุนายน 2016 ถึง 30 มิถุนายน 2022 ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาปราบปรามเจ้าพ่อผู้ค้ายาเสพติด ผู้ขายยาและผู้เสพยาเสพติดอย่างเข้มงวด ทำให้มีการฆ่าตัดตอนเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่จากข้อมูลระบุว่าส่วนใหญ่เป็นผู้คนยากจนและกลุ่มเยาวชน
การกระทำของดูเตอร์เต มีทั้งกลุ่มที่พอใจและไม่พอใจในนโยบายของเขา โดยพบว่าชุมชนที่มีผู้เสียชีวิตจะไม่พอใจ ส่วนในชุมชนที่ปลอดยาเสพติดก็แสดงความพอใจ
ด้วยความที่ฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) โดยในปี 2011 สมัยประธานาธิบดี Ninoy Aquino II (นินอย
อาควิโน ที่สอง) เนื่องจาก Aquino มองว่าฟิลิปปินส์เป็นประเทศประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ ปี 1987 ระบุให้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (Human Rights Commission) คณะกรรมการนี้มีอยู่ในรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ตั้งแต่ฟิลิปปินส์ได้รับเอกราชเมื่อปี 1946
ทั้งนี้ในช่วง Aquino ปกครองประเทศ ช่วง 30 มิถุนายน 2010 ถึง 30 มิถุนายน 2016 เขามีนโยบายทำให้ภาคใต้ปกครองตนเอง และตั้งคณะกรรมการวางแนวทางเพื่อเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จของการร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ Bangsamoro โดยให้ 4 จังหวัดกับอีก 1 เมือง สามารถปกครองตนเองได้สำเร็จ ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้เกิดความสงบอย่างแท้จริง ลดการเสียชีวิต และลดความรุนแรงให้ได้ ดังนั้น ในช่วงการเจรจา เขาจึงนำฟิลิปปินส์เข้าเป็นสมาชิกของ ICC และให้สัตยาบันในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
เมื่อ Duterte รับตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 2016 ก็อยู่ในช่วงที่ ICC ดำเนินการ เมื่อเขาประกาศนโยบายทำสงครามกับยาเสพติด แต่เมื่อเขารับตำแหน่งแล้ว ก็ได้ขอถอนตัวออกจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2019 เพื่อให้เขาสามารถใช้นโยบายปราบยาเสพติดได้สะดวกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ปรากฏว่าเขาละเมิดสัตยาบันที่ฟิลิปปินส์ได้ให้ไว้กับ ICC ตั้งแต่ปี 2016 ดังนั้นดูเตอร์เตจึงถูกไต่สวน (hearings) จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในประเทศ และจากตัวแทนของ ICC ถึง 3 ครั้ง แต่ในที่สุดดูเตอร์เตไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาทั้งหมดได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการถูกจับกุมตัวที่สนามบิน โดยตำรวจของฟิลิปปินส์เอง แล้วจึงส่งตัวดูเตอร์เตไปไต่สวน ณ กรุงเฮก
ดังนั้น ดูเตอร์เตจึงต้องไปสู้คดีเพื่อปกป้องตนเอง หรือไปชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหาต่อ ICC
อันที่จริงแล้ว นโยบายปราบปรามยาเสพติดของเขาเป็นนโยบายที่ดี แต่ปัญหาเกิดจากเขาเป็นฝ่ายสังคมนิยมที่เน้นความรุนแรง และไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน โดย
บางครั้งก็ไม่ได้ใช้หลักกฎหมายเพื่อแก้ปัญหา จึงทำให้การปราบปรามยาเสพติดของเขา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย
ดูเตอร์เตอ้างว่าเขาทำนโยบายดังกล่าวเพราะรักชาติ แต่ดูเสมือนว่าเขาไม่ได้คำนึงถึงหลักพื้นฐานของกฎหมาย แม้เขาจะสามารถแก้ปัญหายาเสพติดในเมืองดาเวา (Davao) ในระดับท้องถิ่นได้ แต่เขาไม่สามารถแก้ปัญหาในระดับประเทศได้
มีผลปัจจัยภายในประเทศหลายเรื่องระบุว่า เหตุที่เขาปราบปรามยาเสพติดแล้วเกิดปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนัก เพราะเขาไม่มีความละเอียดรอบคอบในการดำเนินนโยบาย
สำหรับคดียาเสพติดในฟิลิปปินส์นั้น ทำกันเป็นเครือข่าย ซึ่งดูไม่ต่างจากปัญหาในประเทศไทย ซึ่งพบว่ามีเจ้าพ่อมาเฟียค้ายาเสพติด มีผู้ขายและผู้เสพยาเสพติด แต่การปราบปรามระดับประเทศนั้นทำได้ยากมาก และไม่สามารถขจัดให้หมดไปได้ ทั้งนี้ยาเสพติดได้ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และขบวนการฟอกเงิน
การกระทำของดูเตอร์เตรุนแรงและรวดเร็วมากเกินไปแต่เขาก็มีหลักฐานในการชี้แจงพร้อมด้วยทนายของเขา เมื่อเขาไปต่อสู้คดีที่กรุงเฮก และพบว่าเขายังมีพรรคพวก และมีผู้คนยอมรับการกระทำของเขา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่อยู่ในชุมชนที่เขาแก้ปัญหาให้ได้ เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ จึงยังมีกลุ่มประชาชนให้การสนับสนุน โดยกลุ่มสนับสนุนมองว่า ICC ล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยของฟิลิปปินส์
เพราะฉะนั้นจึงมีการรวมกลุ่มของคนบางกลุ่มเพื่อสนับสนุนดูเตอร์เต ทีนี้หากกลับมาดูประเทศไทยบ้าง ไทยเป็นสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการของ ICC แต่ไม่ได้ให้สัตยาบันต่อ ICC ดังนั้น แม้ในประเทศไทยจะมีปัญหาจากการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในไทย ในยุคทักษิณ ชินวัตร และมีข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตมากมาย และมีผู้ถูกละเมิดจากนโยบายทำสงครามปราบปรามยาเสพติด แต่ทักษิณก็ไม่ได้อยู่ในค่ายถูก ICC ควบคุมตัวเพราะ ICC ไม่มีอำนาจในประเทศไทย จึงจับกุมทักษิณไม่ได้ เพราะฉะนั้น การที่บางคนถามว่าทำไม ICC จึงไม่จับกุมทักษิณ ก็ตอบได้ว่า ไทยไม่ได้ให้สัตยาบันกับ ICC ซึ่งต่างจากฟิลิปปินส์
เมื่อกลับไปดูการกระทำของดูเตอร์เตในเรื่องปราบปรามยาเสพติด ก็พอจะเห็นได้ว่า
1 เขาอ้างว่าทำไปด้วยความรักชาติ ต้องการแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้น แต่ทว่าเขากระทำการรุนแรงมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงหลักของกฎหมาย
ซึ่งหมายความว่าเขาไม่เคารพหลัก Rule of Law
2 เขาชะล่าใจมากเกินไป คิดว่าสามารถปราบปรามยาเสพติดในระดับเมือง (city) และระดับประเทศได้ ซึ่งการแก้ปัญหาในระดับที่กว้างใหญ่มาก จะมีปัจจัยพหุสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะคนในพหุสังคมมีความคิดเห็นแตกต่างกันในแง่มุมเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3 มีผู้ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์จากการปราบปรามยาเสพติดเป็นจำนวนมาก แล้วก็มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านนโยบายดังกล่าว ทั้งในภาครัฐและเอกชน
4 การจับคุมตัวดูเตอร์เต โดย ICC เป็นไปตามสัตยาบันฟิลิปปินส์ได้ให้ไว้กับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นการทำตามกฎหมาย ซึ่งประธานาธิบดีไม่สามารถขัดขวางได้ จึงต้องมีกระบวนการไต่สวนภายในประเทศ และโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ซึ่งดูเตอร์เตต้องไปชี้แจง พร้อมแสดงหลักฐานต่อสู้ เพื่อให้เห็นความโปร่งใสในการทำงาน
5 คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด แต่ขึ้นอยู่กับดูเตอร์เตจะต่อสู้ข้อกล่าวหาได้หรือไม่
6 ภาคประชาสังคมในฟิลิปปินส์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแสดงความคิดเห็นในกรณีนี้
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดในฟิลิปปินส์ แต่เมื่อมาดูการปราบปรามยาเสพติดในไทยในยุคทักษิณ ก็ทำให้มีคำถามในแง่มุมต่างๆ มากมาย
การทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทยในสมัยทักษิณก็เป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามมากมายในสังคมไทย ส่วนทำแล้วแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ยังต้องถกแถลงกันต่อไป แต่ปัญหาการการเสียชีวิตของผู้คนจำนวนนับพันจากนโยบายดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป
รศ.สีดา สอนศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี