องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันน้ำโลก (World Water Day)” เพื่อกระตุ้นให้ทั่วโลกร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับความจริงในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำทั่วโลก โดยเฉพาะธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีอยู่ประมาณ 18,600 จุด ในพื้นที่มรดกโลก 50 แห่ง คิดเป็นพื้นที่กว่า 66,000 ตารางกิโลเมตร แต่ขณะนี้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว
ในปี 2568 นี้ UN จึงได้กำหนดประเด็นจัดงานวันน้ำโลกไว้ว่า “Glacier Preservation” หรือ “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” ภายใต้แนวคิด “น้ำคือชีวิต การอนุรักษ์น้ำและธารน้ำแข็งเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”
ในส่วนของประเทศไทย ปีนี้ได้มีการจัดงานวันน้ำโลกขึ้นในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องแคทลียาชั้น 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยมีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดกิจกรรมวันน้ำโลกดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า สทนช. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ และได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมวันน้ำโลกในนามรัฐบาลไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นเตือนทุกภาคส่วนให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและปัญหาด้านน้ำในปัจจุบัน รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้ประชาชนเกิดความสนใจในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ
สำหรับงานวันน้ำโลกในปีนี้ สทนช.ได้จัดให้สอดคล้องกับประเด็นการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง ที่ UN กำหนดไว้เป็นวาระสำคัญของโลก ซึ่งคาดว่ากว่า 1 ใน 3 ของจำนวนธารน้ำแข็งทั้งหมด จะหายไปในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า อันจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำสายสำคัญ ระดับน้ำทะเล ระบบนิเวศชายฝั่ง การเกิดอุทกภัย และการสูญเสียแหล่งน้ำจืดสำหรับการอุปโภค-บริโภค เกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมทั่วโลก
พิธีเปิดงานวันน้ำโลก ได้รับเกียรติจากนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันน้ำโลกด้วย
ตัวเอง โดยได้มีการฉายวีดีทัศน์การแถลงสารจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพื่อประกาศนโยบายและเจตนารมณ์ในการรณรงค์ให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และร่วมปรับตัวต่อสถานการณ์น้ำของโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ ภายในงานวันน้ำโลกในปี 2568 มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของน้ำและธารน้ำแข็ง รวมถึงประเด็นปัญหาด้านน้ำในประเทศไทย เช่น น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำทะเลหนุนสูง ตลอดจนแนวทางการอนุรักษ์และบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมนี้ ยังได้มีการจัดเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ“Climate Change Adaptation” หรือ “การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองจากตัวแทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ครอบคลุม 6 ประเด็นสำคัญ คือ 1.ผลกระทบจากน้ำป่าและดินโคลนถล่ม 2.ปัญหาภัยแล้งและน้ำทะเลหนุนสูง 3.ภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก 4.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 5.แนวทางการเตรียมการรับมือของประเทศไทย และ 6.การรณรงค์ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม
งานวันน้ำโลกในปีนี้ ประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจมีผู้ที่สนใจมาร่วมงานมากมาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนภาคประชาสังคม นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปโดยเข้าร่วมงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใด แถมยังมีการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live ของ สทนช. อีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี