การอภิปรายไม่ไว้วางใจกลายเป็นสนามทดสอบสำคัญของรัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร เพราะแรงกดดันที่ถาโถมมาทางรัฐบาลให้ต้องแสดงผลงานที่เป็นรูปธรรม หลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 6 เดือน
ในขณะที่ฝ่ายค้านกำลังได้ความนิยมเพิ่มขึ้นจากประชาชนกรณีการเปิดประเด็นการทุจริตเบิกยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก การออกโรงเปิดโปงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนเรียกร้องให้ตัดน้ำตัดไฟ ไปจนถึงการชำแหละงบประกันสังคม ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่เป็นชนชั้นกลางจำนวนมาก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องหากลยุทธ์เพื่อตอบโต้และเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับมา และเรื่องการปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” จึงเป็นประเด็นใหม่ที่ถูกดึงมาใช้
จากมิติทางการเมือง นายกรัฐมนตรีแพทองธารจำเป็นต้องมีผลงานเป็นของตัวเองที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ การประกาศสงครามกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดกลายเป็นหนึ่งในผลงานชูโรงที่ “นายกฯอิ๊งค์”ให้ความสำคัญมากในช่วงนี้ โดยถึงกับออกจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนจบ เลี่ยง “ม็อบปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด” เพื่อนำทีมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับ “จิราพร สินธุไพร” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งสัญญาณว่า นายกรัฐมนตรีต้องการแสดงบทบาท “เอาจริงเอาจัง”ในการจัดการกับปัญหาที่ถูกมองว่ากำลังสร้างความกังวลในสังคม โดยเฉพาะการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน สถานศึกษา และสถานที่ราชการ แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นในวงกว้างว่าการทุ่มเททรัพยากรไปกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการแก้ปัญหาถูกจุดหรือไม่
การแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยมีมานานกว่า 10 ปีด้วยเป้าหมายหลักคือป้องกันการแพร่ระบาดและจำกัดการเข้าถึง แต่ในความเป็นจริง ตัวเลขผู้ใช้กลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านค้าออนไลน์ที่ขายบุหรี่ไฟฟ้ามีให้พบเห็นได้ทั่วไป เพียงแค่พิมพ์คีย์เวิร์ดลงไปบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็สามารถพบข้อมูลร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากกว่า 2 แสนรายภายในเวลาเสี้ยววินาที
ที่ผ่านมามีการกวาดล้างจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าหลายครั้ง แต่ปัญหาก็ยังคงวนเวียนซ้ำเดิม เพราะเป็นเพียงการจับร้านค้าหรือผู้จำหน่ายรายเล็ก แต่ไม่สามารถสาวไปถึงต้นตอผู้ลักลอบนำเข้ารายใหญ่ได้ การบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของปัญหานี้ การแก้ปัญหาแบบฉาบฉวยด้วยการ “กวาดจับ” ตามกระแสอาจช่วยให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูแข็งแกร่งขึ้นในระยะสั้น แต่ถ้าไม่มีแนวทางที่เป็นระบบ ขาดวิสัยทัศน์ ก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านใช้โจมตีหนักขึ้น
หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยคือการนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน ซึ่งรวมถึงการพนัน การค้าบริการ และธุรกิจอื่นๆ ที่ลักลอบดำเนินกิจการอยู่จริง ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยต้องการเดินหน้าตามแนวทางนี้จริงๆ ก็ควรทบทวนแนวทางจัดการบุหรี่ไฟฟ้าเสียใหม่เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีได้เคยบอก “เยส” กับบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายที่วันนี้ยังคงเป็นดิจิทัลฟุตพรินท์ตามมาหลอกหลอนพรรคเพื่อไทย
เรื่องการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมและเยาวชนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในประเทศไทย ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็เจอกับวิกฤตนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละประเทศก็เลือกที่จะควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าแตกต่างกันไป และได้ผลที่แตกต่างกัน เช่น อังกฤษ นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าภายใต้กรอบกฎหมาย ก็เห็นได้ว่าอัตราการสูบบุหรี่และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กลดลงจริง ในขณะที่ออสเตรเลียและสิงคโปร์ที่เลือกจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับประเทศไทย กลับมีการเติบโตของบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนมากขึ้น
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุดก็เพิ่งจะมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นรายงานที่ผ่านการศึกษาและถกเถียงกันมาจากนักวิชาการ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภาคประชาชน อย่างรอบด้านโดยประธานกรรมาธิการก็มาจาก สส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลสนับสนุนสำคัญสำหรับรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเพื่อหาทางจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า แทนที่จะปล่อยให้เป็นสินค้าผิดกฎหมายและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจใต้ดิน
การจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่จะพิสูจน์ความสามารถของรัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ ยังมีปัญหาทางสังคมอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลเข้ามาจัดการอย่างเป็นระบบ ถ้ารัฐบาลต้องการผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อย่างมั่นคง ควรแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่มีโครงสร้างชัดเจนและมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม มากกว่าการแก้ปัญหาตามกระแสเพียงอย่างเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี