อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เปิดฉากขึ้นแล้วหลังจากยื้อกันอยู่นาน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ที่เถียงกันเรื่องญัตติผิดระเบียบหรือไม่ ฝ่ายค้านต้องได้เวลาอภิปรายนานเท่าไหร่นั้น เป็นเพราะทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่อยากให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เกิดขึ้นจริง
แต่เมื่อทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลประเมินแล้วว่า หากไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่ายเลยต้องซูเอี๋ยกันโดยฝ่ายค้านยอมแก้ญัตติ เปลี่ยนจากชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ สทร. เป็น “คนในครอบครัวนายกรัฐมนตรี” ที่แทรกแซง และกำกับการบริหารประเทศของนายกฯแพทองธาร
ซึ่งในความเป็นจริง การแก้ไขในญัตติจากชื่อทักษิณ เป็นคนในครอบครัว ทำให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้ครอบคลุมกว้างขวางกว่า แต่ประธานสภาฯซึ่งดูเหมือนว่า เข้มงวดในญัตติที่บรรจุเข้าวาระประชุมสภา ก็ให้เปลี่ยนเป็น “คนในครอบครัว” ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี Gen Y ผู้ไร้สติปัญญา ไร้วุฒิภาวะ ไม่มีความสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลบริหารประเทศด้วยตัวเองได้ นายกฯจึงเหมือนหุ่นกระบอก ที่มีคนในครอบครัวชักดึงเชือกอยู่ข้างหลัง
ที่น่าขำกว่านั้น คือพรรคประชาชนซึ่งเป็นผู้ยื่นญัตติ ไม่ได้นำญัตติที่มีปัญหาก่อนหน้าไปเขียนใหม่ เพียงแต่เอาปากกาขีดคร่อมชื่อนายทักษิณแล้วเขียนคำว่าคนในครอบครัวแทน ทำกันง่ายๆประธานสภาฯก็พยักหน้าว่าใช้ได้
เมื่ออะไรต่อมิอะไรก็ตกลงทำความเข้าใจกันได้ จึงมีคำถามว่าฝ่ายค้านมีความตั้งใจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร เพื่อให้รัฐบาลสั่นคลอนถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือไม่ โดยส่วนตัวเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่สามารถสร้างความระคายเคืองให้นายกฯแพทองธาร แม้แต่น้อย
ในอดีตการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาลไหนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ ยุบสภาก็นายกรัฐมนตรีลาออก เนื่องจากในอดีตฝ่ายค้านหาพยานหลักฐานความผิดพลาดข้อบกพร่องของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานหลักฐานการทุจริต หรือ บริหารผิดพลาดที่รัฐบาลทำนอกกฎหมายไว้อย่างแน่นหนา ก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
พยานหลักฐานรัฐบาลทุจริต หรือ บริหารผิดพลาดถูกปล่อยออกมาให้ประชาชนรับรู้ล่วงหน้าก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ การปล่อยข่าวสมัยก่อนต้องใช้ใบปลิว จดหมายเปิดผนึกหรือข่าวลือ เนื่องจากยังไม่มีโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ เหมือนสมัยนี้
แต่น่าประหลาดใจที่การปล่อยข่าวสร้างกระแสด้วยใบปลิว หรือจดหมายเปิดผนึกสมัยก่อน มีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือกว่าโซเชียลมีเดีย ที่พรรคฝ่ายค้านใช้ปั่นกระแส ตัวอย่างเช่น แบนเนอร์ของพรรคประชาชนที่ปล่อยออกมาก่อนหน้าวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ประชาชนเกิดความคลางแคลงใจ สงสัยมากกว่าเข้าใจว่า เป็นความผิดส่วนไหนของรัฐบาล
แบนเนอร์ออกแขกพรรคประชาชน ที่นำเอา ภาพพระเจ้าสร้างอาดัม (Creation of Adam) เป็นจิตรกรรมฝาผนังวาดโดย มีเกลันเจโล บนฝาผนังโบสถ์น้อยซิสทินในนครรัฐวาติกัน มาใช้พร้อมคำบรรยายว่า “ดีลแลกประเทศ” ทำให้เกิดสงสัยว่าฝ่ายค้าน หมายถึงการ “ดีล (ทำข้อตกลงบางอย่าง) กับนายทักษิณ ชินวัตร ให้กลับบ้านเท่ๆ หลังจากเป็นสัมภเวสีหนีคุกอยู่นาน 15 ปี และการให้กลับมาแลกกับความเสื่อมเสียของประเทศไทยหรือไม่?
ที่สำคัญการนำรูปวาดพระเจ้าสร้างอาดัมมาเป็นแบนเนอร์ ปชน. ต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้อยู่เหนือกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีลโดยตรงกับทักษิณหรือไม่? จะอย่างไรก็ตามแบนเนอร์ของพรรคประชาชน บ่งชี้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคงเน้นไปที่ทักษิณ ดีลกับผู้อยู่เหนือรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
ทักษิณ ผู้ชำนาญในการพูดกำกวมให้สมุนบริวาร และผู้ติดตามเข้าใจได้ว่าเขาหมายถึงใคร? สถาบันไหน? เช่นในปี 2549 เมื่อประชาชนเรียกร้องให้ลาออกทักษิณกล่าวว่า ถ้ามีบุคคลผู้หนึ่งมา กระซิบข้างหูบอก ผมจะลาออกทันที และทุกวันนี้ทักษิณพูดบ่อยๆ ว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณให้ได้กลับบ้านมาทำงานรับใช้ประเทศชาติ หรือบางครั้งเขากล่าวว่า ได้พูดกับพระเจ้าแล้วว่าขอเวลาทำงานเพื่อชาติอีก 17 ปี
พระเจ้าที่นายทักษิณพูดถึงเป็นใคร เป็นชนิดเดียวกันกับผู้สร้างอาดัมในแบนเนอร์ของ ปชน. หรือไม่? ปชน. ซึ่งสืบสันดานมาจากอนาคตใหม่ และก้าวไกลที่มีนโยบายเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรือธง ซึ่งเป็นนโยบายทำให้ถูกยุบพรรคสองครั้งในห้วงเวลาสามปี ปัจจุบัน สส. ปชน. 44 คน ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนมาตรฐานทางจริยธรรม จากการลงชื่อแก้ไข ม. ๑๑๒ ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบัน
ตลอดเวลาหกปีที่พรรคส้มอุบัติขึ้นในการเมืองไทย พรรคส้มไม่เคยพูดเรื่องปากท้องประชาชน เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ตลาดหุ้นตลาดทุนร่วงจาก 1,800 จุด เหลือ 1,273 จุด ทุนนอกไหลออกกว่า 1.4 แสนล้านบาท ปัญหาชาวนา ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ พรรคส้มไม่เคยวิจารณ์รัฐบาลเรื่องนำเงินภาษีประชาชนไปแจกแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ พรรคส้มถ่วงเวลาการพัฒนาประเทศไปกับการหมกมุ่นสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน
ส่วนรัฐบาลเพื่อไทย มี แพทองธาร ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เป็นหุ่นเชิดให้คนในครอบครัวหกเดือนที่ผ่านไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากผลาญเงินแจกชาวบ้านไปแล้ว กว่าห้าแสนล้านบาท ในข้ออ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การผลาญสองรอบที่ผ่านไปไม่ได้ทำเศรษฐกิจดีขึ้นมีแต่ตกต่ำลงทุกวัน
รัฐบาลแพทองธารคุยโวว่าปี 2568 ทำให้จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ) เติบโตขึ้นเป็น 3.8% แต่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ GDP ปีนี้ไว้ที่ 2.8% แรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชน และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยวแต่คาดว่าการส่งออกที่ชะลอตัวจะเป็นแรงกดดัน
ดังนั้นการคุยโวว่าปีนี้เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าปีกลาย รัฐบาลแพทองธารว่า ตามความเพ้อเจ้อพูดพล่อยของผู้ที่ฝ่ายค้านเรียกว่า “คนในครอบครัว” ซึ่งในความเป็นจริงบุคคลดังกล่าว พูดเพ้อเจ้อในสิ่งไร้สาระตลอดมาเช่นทุ่มเงิน 5,000 ล้านบาทปั่นกระแสซอฟต์พาวเวอร์ไทย หรือจ้างนางแบบชรา 20 ล้านบาท มาปั่นเด็กไทยให้เป็นนางแบบระดับโลก
และล่าสุดไปพูดที่พิษณุโลกว่า “รัฐบาลจะซื้อหนี้ชาวบ้านจากธนาคารไปบริหารจัดการ..”การเพ้อเจ้อซื้อหนี้ชาวบ้านมา บริหารจัดการน่าตกใจที่รัฐบาลขานรับทันทีโดยรัฐมนตรีกระทรวงคลังกล่าวว่า กำลังศึกษาแนวทางจะทำรูปแบบไหน ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปรู้ว่าทำไม่ได้
ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนคนไทยอยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท ในจำนวนหนี้เป็นหนี้เสียหรือ NPL 1.2 ล้านล้านบาท รัฐบาลกำลังถังแตกจะหาเงินที่ไหนไปซื้อหนี้จากธนาคารโดยไม่ให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
จึงสรุปว่า ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลที่ควบคุมการบริหารโดยคนในครอบครัวนายกรัฐมนตรี มีนโยบายเพ้อเจ้อที่ทำไม่ได้คล้ายๆ กัน คือพรรคฝ่ายค้านเน้นเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ
ส่วนรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อใกล้ถึงวันถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตีปี๊บไอเดีย ซื้อหนี้ชาวบ้านจากธนาคารมาบริหาร และเตรียมการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดแข่งขันฟอร์มูล่า-1 ซึ่งไม่มีวันที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาลไหนของประเทศไทยทำได้ เนื่องจากต้องใช้เงินมหาศาล และต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน F-1 ทุกประการ
จึงคาดการณ์ได้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านเน้นเป้าหมายไปที่ใครเป็นผู้ดีลขายชาติ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียหาย และหัวหน้าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี