ต้องพูดกันตรงๆ ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ “หัวหน้าพรรคประชาชน” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะได้โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำ จะมีฐานแฟนคลับเพิ่ม จะสร้างกระแสความนิยมให้แก่พรรค โดยมี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นายกฯ ว่าว เป็นตัวเปรียบเทียบ
ซึ่ง “เท้ง” ทำไม่ถึง “ทิม” ทั้งไม่เท่าและไม่ถึง
“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” จึงโดดเด่นกว่า ถูกพูดถึงมากกว่า ทั้งในแง่ “ลีลา” และ “ประเด็น”
กระนั้นก็ตาม ความกวนตีน ความไม่รู้จักกาลเทศะ ความคึกคะนองเรื่องกีกี้ ก็ทำลายความดูดีของนายวิโรจน์ไป เพราะทำให้สภาเป็นแค่สตูดิโอผลิตคอนเทนต์หาแสง เลอะเทอะ ไร้มารยาท
“นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” ก็ทำได้แค่ “คุณหนูปากตลาด” เย่อหยิ่ง แต่ “ไม่ปรากฏสมองและมารยาท” ที่ชัดเจนหรือน่าชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคะนองต่อการล้อเลียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เชื่อเหลือเกินว่า ขี้ข้าบริวารเสนอ และคุณหนูก็สนอง เพราะเป็นแนวที่สอดคล้องกับสันดานดิบเดิม ทั้งเรื่อง “นาฬิกา” และเรื่อง “ไม่เป็นความจริง”
แพทองธารระเบิด “ความน่ารัก” ของนายกฯ เจนวายทิ้ง เพราะคะนองกับการเล่นมุขที่สนุกกันเองในหมู่ขี้ข้าบริวารและพี่เลี้ยงทั้งหลาย แต่ไม่สะท้อนความมีวุฒิภาวะ และความ “รู้สี่รู้แปด”
สส.คนหนึ่งของพรรคประชาชน ที่ลุกขึ้นอภิปราย แล้วเกิดคำถามว่า “อิหยังวะ” คือ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน
เธออภิปรายว่า “...คนไทยต้องสูญเสียกันไปเท่าไหร่เพื่อให้คนบางคนกลับบ้าน ประเทศไทยต้องเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และการดีลแลกประเทศของรัฐบาลเพื่อไทย และนางสาวแพทองธารนี้ ต้องแลกกับความยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างไรบ้าง
เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง คนไทยต่างมีความหวังว่าสถานการณ์การเมืองทั้งหมดจะดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของนักโทษการเมือง ที่หลายคดีเกิดจากการใช้สิทธิเสรีภาพ จากการถูกจับจากการแสดงออกทางการเมือง การชูสามนิ้ว และมีบางคนที่ไม่รู้ว่าถูกทำร้าย หรือถูกอุ้มหายไปที่ไหน สิ่งที่ประชาชนได้รับคือถูกทิ้งเอาไว้นอกกระดาน เพราะเกิดดีลล้มกระดาน จับมือรัฐบาลข้ามขั้ว ดังสุภาษิตว่า “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ” เมื่อผู้มีอำนาจจับมือกัน ประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสมการต่อไป
น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เคยบอกไว้ว่า จะขอร้องต่อศาลเพื่อขอให้ปล่อยตัว และพรรคเคยเห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หมายความว่านายกฯ รู้อยู่แล้วว่า มีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และประชาชนถูกนำกฎหมายเหล่านี้ มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ปัจจุบันรัฐบาลนี้ยังมีการฟ้องร้องคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้ต้องหาทางการเมืองจำนวนไม่น้อยที่ถูกทอดทิ้งในเรือนจำอย่างน้อย 39 คนแล้วมี 23 คนที่ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานคือสิทธิในการประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดี เรายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ออกมาต่อสู้ในช่วง 20 ปีนี้มีคดีติดตัวจำนวนมาก
น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้นรอนิรโทษกรรมประชาชน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ อยากให้ ครม. พิจารณารายงานเพื่อไปเป็นแนวทางในการนิรโทษกรรม แต่ก็ไม่ได้รับข้อสังเกตนี้ เพราะไม่ต้องการร่างฉบับนี้หรือไม่ และอีกเรื่องคือให้ในนายกฯ กำหนดนโยบายทำตามกลไกกฎหมายที่มีอยู่ หรือเสนอแนะอัยการให้มีคำสั่งไม่ฟ้อง ศาลกำหนดนโยบายได้ว่าปล่อยตัวชั่วคราว และใน กมธ. เรามีทุกองค์กรที่พูดคุยกันจบแล้ว ว่าสามารถทำได้ไม่ใช่เรื่องใหม่
“หากท่านนายกฯ คิดถึงหน้าประชาชนสักนิด กล้าหาญสักหน่อย ในหมวกของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในวันนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชนรวมเสียงกันข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตข้อนี้ ผ่านแน่นอน แต่ท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยก็มีมติบทคว่ำข้อสังเกตที่จะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมือง นี่คือสิ่งที่ประชาชนสูญเสียโอกาส จึงเป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่วันแรก” นางสาวศศินันท์กล่าว
“การเข้าสู่ตำแหน่งของท่านไม่ได้สนใจเลยว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่ตรงไหน ท่านจงใจลอยตัวเหนือปัญหาทุกอย่าง ไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ ไม่ได้สนใจพี่น้องประชาชน หรือเพราะดีลที่ท่านดีลเอาไว้ จึงทำให้ไม่สามารถทำตามอุดมการณ์ และความเชื่อแบบที่พรรคเพื่อไทยเคยมี”
“ท่านยังคงกลัวอำนาจมือที่อยู่เบื้องหลัง จนทำให้ประชาชนเชื่อไปแล้วว่าต้องมีดีลอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ต้องสยบยอมแบบนี้ กลืนน้ำลายตัวเอง เพื่อให้อดีตผู้นำประเทศจากตระกูลชินวัตร กลับมามีอำนาจอีกครั้ง” น.ส.ศศินันท์ กล่าว
น.ส.ศศินันท์ ระบุว่า “ทั้งหมดที่ท่านทำมาตั้งแต่ต้นคว่ำไปทุกอย่างกฎหมายที่มันสำคัญ ๆ เพื่อแลกกับการอยู่ในอำนาจของท่านให้นานที่สุด เพื่อพ่อเพื่อครอบครัวของท่าน คนอื่นไม่ได้มีพ่อเหมือนท่านเหรอ”
นอกจากนี้ ยังตีหมุดตอกฝาโลง ย้ำความสองมาตรฐานที่เกิดในยุคสมัยของคนเสื้อแดงด้วย ถึงกรณีที่ชายคนนั้นไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว รวมถึงการได้รับการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ซึ่งนักโทษทางการเมืองทั่วไป ที่ไม่ใช่พ่อของนายกฯ กว่าจะได้ยอมส่งตัวไปรักษาก็ช้ามากๆ
น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า อย่าลืมว่านักโทษทางการเมืองเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากรเป็นลูกที่มีพ่อ มีแม่กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐานยังคงเกิดขึ้นในรัฐบาลแพทองธาร และเจ้าของวลีกลับเป็นคนที่ได้อภิสิทธิ์ในคำนั้นเอง ชายคนนั้นที่เคยบอกเอาไว้ว่าตัวเองถูกกระบวนการที่ทำสองมาตรฐานเล่นงานในวันนี้ ท่านกลับได้รับอภิสิทธิ์นั้นเอง ยังต้องถามอีกหรือเปล่าว่าดีลครั้งนี้ชินวัตรได้อะไร
ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย น.ส.ศศินันท์ ได้นำผ้าแดงขึ้นมาโพกหัวที่มีข้อความว่า “เรารักทักษิณ” พร้อมกล่าวว่า ผ้าผืนแดงอันนี้ ตนเองเก็บไว้ตลอด ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมาเป็นสส. ในวันนี้ ตนเองเก็บเอาไว้ด้วยความที่ความภาคภูมิใจในครั้งหนึ่ง เคยร่วมต่อสู้กับคุณพ่อของท่าน เจ็บแค้นเจ็บใจ กับสิ่งที่ท่าน และครอบครัวของท่านถูกกระทำเจ็บปวดกับความสูญเสียของวีรชนประชาธิปไตย ศพแล้ว ศพเล่า แต่สุดท้ายพวกท่านก็ดีลกันบนความสูญเสียของประชาชน ดีลกันบนความเจ็บปวดของประชาชน เพื่อแลกทุกอย่างกับความยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพของประชาชนจำนวนมาก เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเองทุกอย่างที่เราต่อสู้มาด้วยกันจนเกือบ 20 ปีท่านนายกฯ คุณพ่อของท่าน และพรรคเพื่อไทย ทำให้ตนเองรู้สึกว่าการต่อสู้ที่ผ่านมา เป็นความสูญเปล่าทางการเมืองมากๆ
น.ส.ศศินันท์ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้ตนเองไม่อาจไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ที่ไม่ได้สนใจความยุติธรรมและเพิกเฉยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนแบบนี้ต่อไปได้
สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับ สส.ท่านนี้ก็คือน่าเป็นเวที “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่ท่านก็ “ทำไมถึง”อีกเช่นเดียวกัน เพราะท่านติดกรอบกับโจทย์ที่ถูกพรรคกำหนดว่า “ดีลแลกประเทศ”
ท่านรู้ไหมว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ การลากข้อมูลออกมาเผยให้ประชาชนรู้ว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้ ไว้ใจไม่ได้ ไม่ใช่การ “ระบายความรู้สึก”
ก็ไม่ใช่พรรคท่าน พวกท่าน ในชื่อพรรคก่อนหน้านี้หรอกหรือ ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเรื่องสิทธิและเสรีภาพ จนใช้มันเกินขอบเขต แล้วต้องคดีอาญา ม.112และอื่นๆ แต่ท่านก็ “เล่นลิ้น” เรียกมันว่า “คดีทางการเมือง”
จนกว่า “ใจของท่านจะเที่ยง” ต่อข้อเท็จจริง หลักการ และกฎหมาย ท่านไม่มีวันจะอภิปรายได้แหลมคมกว่านี้
สิ่งที่ท่านอภิปรายครั้งนี้ เป็นแค่เพียง “การตัดพ้อต่อว่า” แต่ท่านไม่ลากพยานหลักฐานออกมา แค่เพียงสักเรื่องเดียวเป็นใช้ได้แล้ว เอานายกฯ คนนี้ กับพ่อของเธอ และพรรคของเธอ “ทำลายประเทศไทย” อย่างไร ดังข้อเท็จจริงที่ปรากฏอย่างไร มันจึงจะเป็นการอภิปรายเชิงคุณภาพและมี “อานุภาพ”
นี่ก็แค่ “อดีตเสื้อแดง” มาบ่น มาตัดพ้อเท่านั้นแหละ
ตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม ทำให้คนเสื้อแดงตายฟรี
สส.ท่านนี้อยู่ที่ไหน ได้ออกมาขับไล่รัฐบาลเลวชุดนั้นหรือเปล่า?
ถ้าไม่ ผมขออภิปรายไม่ไว้วางใจคุณ ว่าคุณน่ะ ของปลอม!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี