สองวันมานี้ท่านผู้อ่านทุกท่านคงได้รับฟังเรื่องราวและข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เรียนทุกท่านตามตรงว่าผมเองก็ยังประมวลข้อมูลยังไม่จบสิ้น เรียกว่ามีทั้งประเด็นเก่าประเด็นใหม่มากมายจาก “ข้อมูล” ที่ฝ่ายค้านเปิดประเด็นทำให้สังคมหันมาสนใจ
ย้อนเวลากลับไปสักสองสามสัปดาห์ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาโหมโรงก่อนมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงเป็นเรื่องที่ สส.ไอซ์ รักชนก เปิดประเด็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคมตั้งแต่เรื่องการทำปฏิทินเพื่อแจกผู้ประกันตน ไปจนถึงการทำแอปฯ กว่า 850 ล้านบาท ที่เหมือนว่าจะเป็นการใช้งบประมาณจำนวนมาก มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของการดำเนินการในโครงการดังกล่าว ไปจนถึงการที่ผู้ประกันตนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลบันทึกการประชุมของบอร์ดประกันสังคมได้ ลามไปถึงความเหมาะสมในการนำงบประมาณ ของสำนักงานไปลงทุนในตึกออฟฟิศแห่งหนึ่ง…จุดเริ่มของเรื่องนี้มาจากงาน Hackathon ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณที่ ชวนประชาชนมา Hack งบประกันสังคมผ่านการใช้ “ข้อมูลเปิด”
เมื่อ “ข้อมูล” เป็นเครื่องมือที่ประชาชนสามารถใช้เพื่อติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณได้ เราจึงได้เห็นกรณี “ลู่วิ่ง 7.5 แสน (แสนแพง) ที่กรุงเทพมหานครจัดซื้อ” จุดเริ่มต้นมาจาก เฟซบุ๊กเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” เปิดประเด็นว่า “ศูนย์กีฬา-ศูนย์นันทนาการของกรุงเทพมหานครหลายแห่ง ประกาศราคากลางลู่วิ่ง แสนแพงเครื่องละ 7.5 แสนบาท และเมื่อภาคประชาชนค้นหาข้อมูลลึกลงไปพบว่า เฉพาะปี 2567 กรุงเทพมหานครซื้อเครื่องออกกำลังกายกว่า 9 โครงการ งบประมาณกว่า 77 ล้านบาท ชมรม STRONG ยังตั้งข้อสงสัยต่อไปอีกว่าการประมูลโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายเป็นการแข่งกันระหว่าง 2 บริษัทซึ่งราคาประมูลทั้งสองห่างกันแค่ 700 บาท และต่ำกว่าราคากลางแค่ 1,190 บาทเท่านั้น”… นอกจากจะแพงเกินจริงแล้ว ไม่แน่ใจว่าแบบนี้ยังเรียกว่าเป็นการแข่งขันราคากันจริงหรือไม่
ชวนท่านผู้อ่านย้อนกลับไปไกลอีกหน่อย ผมไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านยังจำเรื่องของกำนันคนหนึ่งที่เป็นผู้มากบารมี มีอิทธิพลในท้องถิ่น แถมยังเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่ทำโครงการกับภาครัฐไม่น้อย ตั้งแต่สร้างตึก ทำถนนสร้างสะพาน กำนันคนดังกล่าวจัดงานเลี้ยงที่บ้าน มีคนใหญ่คนโตในพื้นที่มาร่วมงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจทางหลวง คืนนั้นสารวัตรท่านหนึ่งที่มาร่วมงานถูกยิง 7 นัดเสียชีวิตกลางงานเลี้ยงดังกล่าว เป็นที่มาให้เกิดการสืบสวนเรื่องคดีไปสู่การขยายผลเรื่องธุรกิจของกำนัน จน DSI พบความผิดปกติในโครงการที่บริษัทของกำนันเป็นคู่สัญญาของรัฐ ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ในส่วนที่มีการฮั้วประมูลโครงการของรัฐกว่า 19 โครงการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,300 ล้านบาท จากกว่า “รวบรวมข้อมูล” ทั้งหมดของ DSI ที่พบว่าบริษัทที่กำนันเป็นเจ้าของ เป็นคู่สัญญากับรัฐในการทำโครงการต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 - 2566 กว่า 1,500 โครงการ
หรือแม้แต่กรณี “เสาไฟกินรี” ที่กลายเป็นประเด็นที่สังคมตั้งคำถามและมีข้อสงสัย ก็เกิดจากประชาชนเองที่เป็นคนตั้งคำถามว่า ทำไมเสาไฟจำนวนมากถึงมาอยู่กลางพื้นที่รกร้าง? ท้องถิ่นใช้งบประมาณไปเท่าไรในการซื้อเสาไฟ? คำถามเหล่านี้กระจายไปยังเสาไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นที่มีลักษณะคล้ายเสาไฟกินรีที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ว่าผู้รับจ้างเป็นใคร (ซึ่งจาก “ข้อมูล” ที่พบโครงการทำเสาไฟประติมากรรมส่วนใหญ่เป็นผู้รับจ้างรายเดียวกัน)หน่วยงานรัฐ-หน่วยงานท้องถิ่นใช้งบประมาณอย่างเหมาะสมหรือไม่ มีความเสี่ยงในการทุจริตหรือไม่
จากเคสทั้งหมดที่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง สังเกตได้ว่า “ข้อมูล” เป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับการทุจริต และมีเครื่องมือหนึ่งที่คอยสนับสนุนการต่อสู้กับทุจริตร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ คือ ACT Ai ย้อนกลับไปประมาณ 6 ปีที่แล้ว องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดตัวเครื่องมือสู้โกงของประชาชน ACT Ai (actai.co) เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐกว่า 20 ล้านโครงการ และข้อมูลนิติบุคคลและบุคคลที่เป็นคู่สัญญาของรัฐกว่า 1 ล้านราย (ข้อมูลขณะนั้น) นำข้อมูลจำนวนมากทั้งหมด มาวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การคอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น เสี่ยงฮั้ว หรือเสนอราคาผิดปกติจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทิ้งงานและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ด้วยความพยายามในการแก้ปัญหาข้อมูลภาครัฐที่เข้าถึงยากและเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการติดตามและสอดส่องเพื่อป้องกันการคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในขณะนั้น
หลังจากที่ ACT Ai ถูกใช้โดยเครือข่ายภาคประชาชน ภาควิชาการ สื่อมวลชน ภาคการเมือง จนนำไปสู่การเปิดโปง ติดตามตรวจสอบในหลายกรณีทั้งใหญ่และเล็ก เวลาผ่านไป 6 ปี องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ปรับปรุง ACT Ai เพิ่มชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น ข้อมูลผู้มีสถานภาพทางการเมืองเพื่อตรวจสอบกรรมการบริษัทที่เป็นคู่สัญญาของรัฐ ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ข้อมูลการบริจาคให้กับพรรคการเมืองเพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับคู่สัญญาของรัฐกับพรรคการเมือง และเพิ่มการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในหลายกรณีที่มาจากประสบการณ์ คำแนะนำและความต้องการใช้งานของคนที่ทำงานในการต่อต้านคอร์รัปชัน นอกจากนี้ยังมีการปรับ ดีไซน์การแสดงผลให้ใช้งานง่าย ค้นหาข้อมูลง่าย และเห็นข้อมูลที่น่าสนใจได้ง่าย
ผมอยากเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่าน เข้าไปลองใช้เครื่องมือ AI จับโกงจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเวอร์ชั่นใหม่ที่ปรับปรุงเรียบร้อยพร้อมให้มีการเข้าใช้งานแล้วที่ procurement.actai.co เพราะยังมีฟังก์ชันและข้อมูลที่น่าสนใจอีกมาก พื้นที่คอลัมน์นี้อาจจะอธิบายได้ไม่หมดและไม่เห็นภาพ ไม่แน่…ท่านเองอาจจะเป็นคนหนึ่งในการช่วยเปิดโปงคอร์รัปชันได้…
ณัฐภัทร เนียวกุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี