อภิปรายไม่ไว้วางใจซักฟอก“มาดามแพทองโพย”ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 2 วัน ผลการลงมติไม่มีอะไรเกินคาด เสียงไว้วางใจที่เทให้“มาดามแพทองโพย”ท่วมท้น ด้วยคะแนน 319 : 162
เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง
ฝ่ายรัฐบาลจากทั้งหมด 11 พรรค รวม 322 เสียง ไม่มีการแตกแถวตบเท้าลงมติไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย” ไล่เรียงไปก็มีพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลและหัวหน้าพรรค คือ“มาดามแพทองโพย”ถูก“ล็อคเป้า”ถล่มครั้งนี้ จากสส.ทั้งหมด 142 คน ได้ลงมติไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”ไปในทิศทางเดียวกัน 140 เสียง ส่วนอีก 2 เสียงมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ ที่ได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วว่า จะไม่มาร่วมลงมติ และอีกหนึ่งคน คือ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 1 งดออกเสียง
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีเสียงเป็นลำดับสองในพรรคร่วมรัฐบาล จาก สส.ทั้งหมด 69 คน ลงมติไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”อย่างพร้อมเพรียง 68 คน ส่วน 1 เสียงที่หายไป คือ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 2 งดออกเสียง
พรรครวมไทยสร้างชาติที่มี สส.ทั้งหมด 36 คน ลงมติไว้วางใจ 35 คน มีเพียงนายสุพล จุลใส สส.ชุมพร ที่ไม่แสดงตน และไม่ปรากฎการลงมติ โดยได้แจ้งลาป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล
พรรคประชาธิปัตย์ จาก สส.ทั้งหมด 25 คน ลงมติไว้วางใจ 21 คน โดยงดออกเสียง 4 คน คือนายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ที่แสดงตนชัดเจนมาตั้งแต่แรก ว่าไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน
พรรคกล้าธรรม 24 เสียง ลงมติไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”ยกพรรค, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ไว้วางใจ 9 เสียง โดย 1 เสียงที่ขาดไปคือ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ดลาป่วยหลังผ่าตัดจากอาการติดเชื้อในปอด, พรรคประชาชาติ 9 เสียง ลงมติไว้วางใจ 8 เสียง อีก 1 เสียงที่ขาดไปคือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานสภาฯ งดออกเสียง
ขณะที่พรรคเล็กอีก 4 พรรค ก็ลงมติไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”แบบยกพรรค ประกอบด้วย พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง, พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง, พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง
และพรรคพรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง
ส่วนทางฟากพรรคร่วมฝ่ายค้าน 5 พรรค ซึ่งมีเสียงทั้งหมด 171 เสียง แต่ปรากฏผลการลงมติมีเพียงแค่ 162 เสียงนั้น ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 เสียง ลงมติไม่ไว้วางใจ 141 เสียง หายไป 2 เสียง คือ นางสาววรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ และนายสิริน สงวนสิน สส.กทม. แจ้งลาป่วย
พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง ลงมติไม่ไว้วางใจ 19 เสียง ส่วนที่หายไป 1 เสียง คือ นางสาวกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ที่ไปยกมือไว้วางใจสนับสนุน“มาดามแพทองโพย”ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกพรรคพลังประชารัฐปลดออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค และแสดงตัวชัดเจนว่ายืนอยู่ฝ่ายพรรคกล้าธรรม ที่มี ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
พรรคไทยสร้างไทย จาก สส.ทั้งหมด 6 คน ปรากฏว่า มีนายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด เขต 7 เพียงคนเดียวที่ลงมติไม่ไว้วางใจ ส่วนอีก 5 คนเป็น“งูเห่า”ที่ไปยกมือไว้วางใจสนับสนุน“มาดามแพทองโพย” และทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคถึงกับหัวเสีย คือ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี เขต 9, นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร เขต 1, นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี เขต 3, นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี สส.อุดรธานี เขต 6 และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ
อีก 2 พรรคเล็กร่วมฝ่ายค้านที่มีเสียง สส.พรรคละ 1 เสียงนั้น ปรากฏว่า 1 เสียงจากพรรคไทยก้าวหน้า คือ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.เขตจอมทอง ซึ่งถูกขับออกมาจากพรรคก้าวไกล ข้อหาเรื่องคุกคามทางเพศ และเวลานี้กำลังมีคดีฉาวโฉ่ข้อหา“ข่มขืน”นักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน เป็นอีก“1งูเห่า”ในซีกฝ่ายค้าน ที่ยกมือไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย” และอีก 1 เสียง คือ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ที่ยืนอยู่ข้างประเทศตะวันตกเหมือนเป็นกระบอกเสียงกรณี“40 ชาวอุยกูร์”ลงมติไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”
สรุปแล้ว การลงมติไม่ไว้วางใจ“มาดามแพทองโพย”ครั้งนี้ มี สส.ซีกฝ่ายค้านเพียงแค่ 7 คน ที่เป็น“งูเห่า”จากจำนวน 10 คน ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยยืนยันก่อนหน้าที่จะมีการลงมติว่า พรรคกล้าธรรมได้เสียงมาเพิ่ม 10 เสียง แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง ขอให้ผู้สื่อข่าวไปหาเอาเอง พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้สื่อเรียกว่างูเห่า เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของ สส.และจากนี้ไป เมื่อลงพื้นที่จะเห็น สส.ทั้ง 10 คนมาร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม
อย่างไรก็ดี ผลการลงมติครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า ไม่มีอะไรเกินคาด เพราะยังสามารถประสานผลประโยชน์กันได้ แต่หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า“ยุทธการโรยเกลือ”ของพรรคประชาชนจะทำให้“มาดามแพทองโพย”ต้องกระเด็นตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่
อย่างน้อยก็มีสองเรื่องที่สามารถดำเนินการต่ออันเกี่ยวกับคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ“มาดามแพทองโพย”ฐานไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นั่นก็คือ กรณีการ“หนีภาษี”จากการทำนิติกรรมอำพรางกับบุคคลในครอบครัวเรื่อง“ตั๋ว PN 4.4 พันล้านบาท” และการโอนหุ้นที่ดิน“อัลไพน์ฯ”ให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นมารดา มูลค่า 224.1 ล้านบาท และ“บริษัทประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ฯ” ให้“พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์”พี่สาว มูลค่า 169.4 ล้านบาท
และอีกหนึ่งกรณี เรื่องที่ดินและใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม“เทมส์ วัลลีย์”ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
หากการปฏิบัติการใน“ยุทธการโรยเกลือ”ของพรรคฝ่ายค้าน เข้าสู่กระบวนการไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีการของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อใดนั้น รับรองว่า“มาดามแพทองโพย”อยู่ไม่เป็นสุขแน่ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี