l ญัตติไม่ไว้วางใจ หรือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
(motion of no-confidence, motion of censure) คือ การที่สมาชิกสภาล่าง (ฝ่ายค้าน) เข้าชื่อการเสนอญัตติเพื่อสอบสวนรัฐบาล กระทำเมื่อเห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีไม่เป็นที่พอใจ ในกรณีนี้สมาชิกมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติไม่ไว้วางใจ ถือเป็นวิธีการหนึ่งในการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ฯลฯ
l ความเห็นส่วนแรก ของผู้มีประสบการณ์การเมือง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นกลไกสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร และสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยการอภิปรายไม่ไว้วางใจมักถูกมองว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมืองมากกว่าการตรวจสอบอย่างแท้จริง
1.หลักการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ถูกต้องชอบธรรมควรเป็นอย่างไร?
(1) ฝ่ายค้าน :
ควรนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และมีหลักฐานชัดเจนมุ่งเน้นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการทำงานของรัฐบาล โดยอิงตามข้อเท็จจริงหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ยั่วยุ หรือใส่ร้ายป้ายสีเคารพกฎระเบียบและจรรยาบรรณของรัฐสภาควรเน้นที่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
(2) ฝ่ายรัฐบาล :
ชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านด้วยข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ยอมรับข้อผิดพลาดและแสดงความรับผิดชอบหากมีหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่ดูถูกหรือด้อยค่าฝ่ายค้านเคารพสิทธิในการตรวจสอบของฝ่ายค้านควรแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อส่วนรวม
(3) ประธานรัฐสภาฯ :
ทำหน้าที่เป็นกลางและรักษาความเป็นธรรมควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับปกป้องสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมและยึดหลักกฎหมาย ควรเป็นผู้ที่วางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด
2. ที่ผ่านมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายกฯและรัฐมนตรี :
การประเมินว่าการอภิปรายครั้งใด “ดี” หรือ“ไม่ดี” เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลอย่างไรก็ตาม : -
-การอภิปรายที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพมักมีลักษณะดังนี้ :
มีการนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีหลักฐานชัดเจนมีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการทำงานของรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์มีการอภิปรายที่เคารพกฎระเบียบและจรรยาบรรณของรัฐสภาในขณะเดียวกัน การอภิปรายที่ไม่ได้รับความนิยมมักมีลักษณะดังนี้การใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ยั่วยุ หรือใส่ร้ายป้ายสีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่มีหลักฐานชัดเจนการอภิปรายที่มุ่งเน้นการโจมตีทางการเมืองมากกว่าการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
3.บทบาทและการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านและรัฐบาล :
ในอดีตที่ผ่านมา บทบาทของฝ่ายค้านและรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจมักถูกมองว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมืองมากกว่าการตรวจสอบอย่างแท้จริงฝ่ายค้านมักมุ่งเน้นการโจมตีรัฐบาลเพื่อหวังผลทางการเมืองในขณะที่รัฐบาลมักพยายามปกป้องตนเองและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและเกิดความขัดแย้งทางการเมือง
4. ประชาชนและประเทศไทยได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร?
๑. การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีคุณภาพ จะช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล และส่งผลให้รัฐบาลมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม
๒. การอภิปรายที่ไม่สร้างสรรค์
จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสร้างความขัดแย้งทางการเมืองการที่สภาเกิดความวุ่นวายทำให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
5. ท่านคิดว่า “การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือนายกฯ จะพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ไหม? เมื่อไหร่?
การอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยได้ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามหลักการและจรรยาบรรณที่ถูกต้องการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม
6. ความเห็นต่อข้อสรุป : ของผู้นำอุดมคติทางการเมือง :
ข้อสรุปดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมืองของไทย ซึ่งส่งผลต่อความโปร่งใสและเป็นธรรมในการเลือกตั้งและการตรวจสอบรัฐบาลการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยการปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบการเมืองที่เป็นธรรมและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
l ส่วนที่สอง ของผู้มีประสบการณ์การเมือง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 มติ “สภาฯ” เทคะแนนโหวตไว้วางใจ “นายกฯอิ๊งค์” ท่วมท้น 319 เสียงไม่ไว้วางใจ 162 งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนนไม่มี
สามารถประเมินผลได้ดังนี้ :
1.จุดแข็งของทุกฝ่าย :
การเตรียมตัว : ทุกฝ่ายมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
เนื้อหาสาระ : เนื้อหาในการอภิปรายมีความน่าสนใจและสามารถนำมาพิจารณาได้
ผู้นำฝ่ายค้าน : พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร
นายกฯ แพทองธาร : มีพัฒนาการในการตอบคำถามและแสดงท่าทีที่ดีขึ้น
2.จุดอ่อนรวม :
การมองแต่ข้อเสียของผู้อื่น : ทุกฝ่ายมุ่งเน้นไปที่การวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียของฝ่ายตรงข้าม โดยละเลยการพิจารณาข้อเสียของตนเอง
การบิดเบือนข้อเท็จจริง : มีการใช้ข้อมูลเท็จปะปนกับข้อมูลจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับตนเองและ
ด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม
อคติและกรอบความคิดแบบตะวันตก : ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมีอคติ
-โดยฝ่ายรัฐบาลมักโจมตีเรื่องกองทัพและการรัฐประหาร
-ขณะที่ฝ่ายค้านมีอคติต่อสถาบันหลักและพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง
ประธานรัฐสภา : แม้จะทำหน้าที่ได้ดีในภาพรวมแต่ก็มีข้อจำกัดในการวินิจฉัย เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงกดดันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
3.ผลกระทบต่อประชาชน :
ประชาชนทั่วไปอาจไม่ได้รับทราบและเข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับอาจถูกบิดเบือนหรือเลือกนำเสนอเฉพาะบางส่วนผู้ที่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีอารมณ์ร่วมไปกับข้อมูลที่ได้รับ โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
สำหรับผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางการเมือง จะสามารถเข้าใจถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการเมืองไทยได้ดีขึ้น
4.ข้อเสนอแนะ :
หากทุกฝ่ายเคารพและยึดมั่นในความจริง การอภิปรายครั้งนี้จะมีประโยชน์และคุณค่ามากกว่านี้สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงประธานรัฐสภา ควรยึดมั่นในความจริง เคารพประชาชน และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปราย:
-ข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีของนายกฯ
-ข้อกล่าวหาเรื่องปฏิบัติการไอโอของกองทัพ
-ข้อกล่าวหาเรื่องการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน
-ข้อกล่าวหาเรื่องการปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างชาติแย่งงานคนไทย
-ข้อกล่าวหาเรื่อง ดีลลับแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ข้อสังเกต :
การลงมติไม่ไว้วางใจไม่ได้สะท้อนถึงการพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างอิสระ แต่ถูกกำหนดโดยสถานะทางการเมืองของแต่ละฝ่ายสื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน แต่ก็ต้องระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นกลาง
โดยรวมแล้ว
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการเมืองไทย ที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและขาดการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี