ดูเหมือนรัฐบาลรีบเร่ง เหยียบคันเร่ง จะผลักดันกฎหมายเปิดทางให้เกิดกาสิโนในเอ็นเตอร์เมนท์คอมเพล็กซ์ให้จงได้
1. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะผลักดันให้บรรจุเข้าระเบียบวาระของสภาให้พิจารณาในวันที่ 9 เม.ย.
นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ชี้ว่า วาระแรกจะทันสมัยประชุมนี้ และวาระสอง กมธ.วิสามัญพิจารณาช่วงปิดสมัยประชุมได้ เมื่อเปิดสมัยประชุมถัดไปจะได้พิจารณาวาระสามต่อเนื่อง คิดว่าจะออกมาทันรัฐบาลนี้ เวลาเหลือ 2 ปีกว่า ถ้าไม่เกิดปัญหาในชั้น สว.จะประกาศใช้ได้ในรัฐบาลนี้ กฎหมายฉบับนี้อยู่ท่ามกลางความเห็นต่างของคนในประเทศ จึงไม่มีอะไรดีไปกว่าต้องลองดู เพราะการพนันหรืออะไรก็แล้วแต่ สังคมไทยคุยกันมานานแล้ววิเคราะห์กันมานานแล้ว จะเหมาะไม่เหมาะลองดู ถ้าไม่เป็นผลดีก็ยกเลิกได้ เพราะประเทศไทยเราเดินมาถึงจุดที่ต้องสร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ ที่คนเป็นห่วงจะทำให้มีปัญหาอื่นตามมาเราลองดูด้วยความรัดกุม แล้วประเมินถ้าเกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็ออกกฎหมายยกเลิกเท่านั้นเอง ถ้ามัวแต่กังวลแล้วไม่ลงมือทำไม่ได้รู้คำตอบที่แน่นอน
2. มีกระแสข่าวว่า สถานที่ตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เล็งไว้ที่ท่าเรือคลองเตยแม้ล่าสุด รัฐมนตรีคมนาคม จะปฏิเสธว่า ยังไม่มีการตัดสินใจ
ก็ตาม
เพจ Progressive Thailand นำเสนอข้อมูลว่า “ทบทวนแผนท่าเรือคลองเตยรองรับเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ระดับแสนล้าน คาดกลางปีนี้รู้ผลศึกษา
การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ทบทวนแผนพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพให้รองรับเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งคาดว่าสามารถดึงดูดเงินลงทุนมาพัฒนาพื้นที่ได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจะเริ่มศึกษาภายใน 1-2 เดือน ใช้เวลาภายใน 6 เดือนในการศึกษา ตั้งเป้าเริ่มดำเนินการทันทีภายในปีนี้ เพื่อให้เปิดเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ได้ในปี 2572”
3. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
เงื่อนไขที่เพิ่มขึ้น เช่น
กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ คกก. บริหาร กำหนด (เดิมกำหนด ห้ามเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่ คกก. กำหนด)
ให้กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน โดยเฉพาะสถานที่จัดให้มีการเล่นพนันซึ่งจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร แล้วแต่กรณีใดจะน้อยกว่ากัน
กำหนดให้พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย
กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงถือว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างและใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประเภทธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตที่จัดให้มีกาสิโนเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
กำหนดให้ คกก. นโยบาย กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโนโดยต้องมี (8.1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (8.2) ระบบควบคุมกาสิโน ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และ (8.3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน (เดิมไม่มี)
เพิ่มเติมลักษณะการกระทำความผิดที่จะได้รับโทษทางอาญา เช่น การจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือถ่ายทอดการเล่นพนันในกาสิโน และกระทำการที่เป็นการเพิ่มยอดหรือเพิ่มจำนวนคนเล่นพนันหรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน ฯลฯ
แต่ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขบางประการ โดยเฉพาะที่กำหนดว่าบุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน
อาจจะมีการใช้เสียง สส.แก้ไขตัดออกไปหรือไม่ จะต้องติดตาม
4. รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันแห่ง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า ดูตัวอย่างสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศเพื่อนบ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องบ่อนกาสิโน เช่น คิงส์โรมัน ใน สปป.ลาว หรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชา แม้จะมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่สวยงาม แต่เมื่อผลักดันกาสิโนถูกกฎหมายเป็นประเด็นหลักกลับไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ แต่ดึงดูดกลุ่มอาชญากรข้ามชาติและกลุ่มธุรกิจสีเทาทั้งหลายเข้ามาแทน
“ย้อนกลับไปดูรอบบ้านเราก่อน กาสิโนรอบบ้านเราเจ๊งระเนระนาด แล้วก็กลายเป็นแหล่งของการหลอกลวงเพื่อนบ้านและย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ตรงแถวสระแก้วก็เป็นปัญหาเดียวกัน กลายเป็นว่าในพื้นที่ตึกที่สร้างเป็นกาสิโนมีแค่บางชั้นที่ให้บริการกาสิโน เดี๋ยวนี้ถ้าเป็นออนไซต์ก็น้อยมาก กลายเป็นออนไลน์ และบางชั้นกลายเป็นสถานที่สำหรับศูนย์แห่งการฉ้อโกงหลอกลวงทั้งหลาย...
...โดยทั่วไป กาสิโนที่เปิดแล้วมุ่งไปที่คนในประเทศ จะต้องมีการจัดการเรื่องปัญหาที่เป็นผลกระทบจากการพนันเยอะมาก หากว่าเป็นนักท่องเที่ยว ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้น นักท่องเที่ยวก็จะเอากลับไปบ้านตัวเอง เช่น ติดพนัน มีปัญหาเรื่องการเงิน ก็จะเป็นปัญหาที่บ้านตัวเอง แต่ของเราถ้าเราดึงคนในประเทศมาเข้ากาสิโน ปัญหานี้จะเป็นปัญหาภายในประเทศที่เราต้องจัดการ เรื่องพวกนี้จะจัดการอย่างไรภายใต้หนี้ครัวเรือนที่สูงมากๆ” – ดร.นวลน้อย กล่าว
5. เครือข่ายภาคประชาสังคม 100 องค์กรประกาศว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางตามสิทธิทางกฎหมายที่จะคัดค้านการเดินหน้าของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
ถ้อยแถลงการณ์บางส่วน ระบุว่า
“...ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ…. ทันทีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีผ่านไปเพียงหนึ่งวัน
โดยไม่สนใจไยดีต่อข้อคัดค้านของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสียงติติงของนักวิชาการ รวมถึงเสียงทัดทานของประชาชนจากหลากหลายพื้นที่และหลายภาคส่วน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”
การพูดจาหลักลอยดั่งไม้หลักปักขี้เลนของนายกรัฐมนตรี บวกกับอาการรีบร้อนเร่งรัดอย่างผิดสังเกตของรัฐบาล ที่พยายามจะผลักดันกฎหมายนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 11 เมษายนนี้ ทั้งที่ยังมีความหละหลวมในหลายเรื่องที่สำคัญ อาทิ
1. การเปิดกว้างให้มีกาสิโนที่ซุกอยู่ภายใต้เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์แบบไม่จำกัดจำนวนว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะให้เปิดได้กี่แห่ง ขนาดที่ชัดเจนของกิจการต่างๆ ในสถานบันเทิงครบวงจรจะต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่าเท่าใด และพื้นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรควรจะมีคุณลักษณะเช่นใด รวมถึงความไม่ชัดเจนในกลุ่มเป้าหมายว่า การเปิดกาสิโนจะมีเป้าหมายที่ลูกค้ากลุ่มใด นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนไทย
2. การมอบอำนาจแบบ “ตีเช็คเปล่า” ให้คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรี มีอำนาจมากมาย ทั้งการกำหนดจำนวนใบอนุญาตฯ กำหนดพื้นที่ตั้ง กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาลงทุน กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการป้องกันการฟอกเงิน เสนอแนะอัตราการเก็บภาษีต่อคณะรัฐมนตรี กำหนดอัตราค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนของคนในประเทศ รวมทั้งมีอำนาจในการยกเลิกกฎหมายหรือกฎระเบียบใดๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงเปิดช่องให้มีการนำรายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ด้วยการกำหนดกลไกที่ไร้การถ่วงดุลและตรวจสอบความรับผิดรับชอบ อันอาจจะนำมาซึ่งการทุจริตเชิงนโยบาย
3. การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน โดยการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายอื่นหลายฉบับ ทั้งพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ร.บ.บริษัทมหาชน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติ การเปิดช่องให้สามารถเช่าที่ดินได้เป็นระยะเวลานานทีละ 30 ปีไปได้เรื่อยๆ การยกเว้นพ.ร.บ.การพนันเพื่ออนุญาตให้จัดเล่นพนันที่ต้องห้ามได้ รวมทั้งยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อให้หนี้ที่เกิดจากการพนันในกาสิโนเป็นหนี้ที่บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย การยกเว้นคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เพื่อให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ 24 ชั่วโมงการควบคุมสถานบริการ ด้วยแนวคิดการออก super license แบบอนุญาตครั้งเดียวเบิกทางให้ทำได้ทุกเรื่อง
4. การละเลยความเป็นจริงของการทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่นักการเมืองและข้าราชการไทย และการไม่ตระหนักในความล้มเหลวขององค์กรที่ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลต่างๆ เช่น กกต. หรือกสทช. ฯลฯ เมื่อมาบวกกับบทบัญญัติทางกฎหมายที่คลุมเครือ จึงไม่อาจเชื่อมั่นได้มากพอต่อมาตรการป้องกันการฟอกเงิน ที่เชื่อมโยงกับขบวนการธุรกิจผิดกฎหมาย การฉ้อโกง และการทุจริตคอร์รัปชั่น
5. การไม่ให้ความสำคัญต่อการรับฟังความเห็นของประชาชน การไม่ใส่ใจไยดีต่อการทำประชามติแม้ในระดับพื้นที่ที่จะมีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร การไม่มีส่วนร่วมและไม่ได้รับประโยชน์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งการไม่ให้ความสำคัญที่มากพอต่อการป้องกันแก้ไข และเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
ความหละหลวมทั้งปวงนี้ รัฐบาลเจตนาผลักความรับผิดชอบไปให้แก่กระบวนการตัดสินใจในสภาผู้แทนราษฎร และเปิดโอกาสให้เกิดการต่อรองของตัวแทนผู้ได้เสียผลประโยชน์ในชั้นกรรมาธิการ
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่นำมาสู่ความรู้สึกไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อผลได้ผลเสียที่จะเกิดตามมา และความไม่ไว้วางใจต่อความไม่โปร่งใสของกลไกการตัดสินใจ อันอาจจะนำมาซึ่งการอำนวยผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุน และการทุจริตรับสินบนของผู้ที่เกี่ยวข้อง..”
รายนาม 100 องค์กรร่วมคัดค้าน อาทิ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก มูลนิธิชีววิถี ฯลฯ
6. น่าติดตามว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาลจะมีจุดยืนอย่างไร?
สส.ฝ่ายค้านจะมีจุดยืนอย่างไร (พรรคส้มเคยหาเสียงจะเกิดกาสิโนถูกกฎหมาย)
สส.พรรคพลังประชารัฐประกาศคัดค้านชัดเจน
สว.ที่ส่วนใหญ่เป็น สว.สีน้ำเงิน จะมีจุดยืนอย่างไร
รัฐบาลที่พยายามผลักดันเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ทั้งที่ไม่ได้หาเสียงไว้ และไม่ได้ระบุไว้ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา กำลังทำตามใบสั่งของใคร?
จะสำเร็จ หรือตายตกไปตามกัน?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี