สังคมไทยเราตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง โดยที่ฝ่ายอำนาจปกครองรวมหัวกันเอาประโยชน์จากสังคม ขณะที่ฝ่ายเห็นต่างถูกตีตราว่า บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง จากการอ้างว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น สังคมไทยจึงไร้ทิศทาง และไร้ผู้นำที่เอาประโยชน์ของบ้านเมืองมาก่อนและเหนืออื่นใด สังคมไทยจึงดูอลเวง ท้อแท้ ขาดกำลังใจและไร้ความหวัง
แต่ทว่าสังคมไทยจะปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีงามต่างๆ ดังกล่าวครอบงำแต่อย่างเดียวไม่ได้ และสังคมไทยไม่ควรที่จะต้องสิ้นหวังไปเสียทั้งหมด ซึ่งเราจะต้องตั้งสติและทบทวนตัวเองว่า เรายังมีอะไรดีเหลืออยู่อยู่บ้าง แล้วจะนำเอาความดีต่างๆ เหล่านั้นกลับมาบำรุงขวัญ เชิดชูกำลังใจ และร่วมกันขับเคลื่อนให้สังคมก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามกันได้หรือไม่? อย่างไร?
สังคมไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีงาม ที่เป็นที่น่าภูมิอกภูมิใจ ที่จะเป็นจุดร่วม แต่เราก็อาจจะมองข้ามไปหรือลืมเลือนกันไป ก็ถึงเวลาที่ในยามคับขันดังกล่าวนี้สังคมไทยควรจะกลับมาทบทวนตัวเอง และเริ่มตั้งหลักกันใหม่จากสิ่งดีงามที่เรามีอยู่
ขณะเดียวกันสังคมไทยเราก็สามารถที่จะถามตัวเองว่า ถ้าสังคมไทยล้มเหลวและไม่ดีจริง แล้วทำไมคนทั้งโลกถึงอยากจะมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งเราอาจจะตอบว่า เพราะเรามีความสวยงามทางธรรมชาติ มีโบราณสถาน มีสถานที่บริการชั้นเยี่ยม แต่นั่นเป็นคำตอบ คำชี้แจงในเชิงวัตถุหรือทางกายภาพที่หลายๆ ประเทศต่างก็มี และไม่ด้อยไปกว่าที่ไทยเราก็มี
แต่สิ่งที่ไทยเรามีและโดดเด่นกว่าประเทศต่างๆ หลายประเทศก็คือ เรื่องสภาวะจิตใจของสังคมไทยเรา ที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรี ต้อนรับขับสู้ต่อผู้มาเยี่ยมเยือน ความเป็นกันเองด้วยหน้าตาอันยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นสิ่งที่ประทับใจยิ่ง แล้วก็ปราศจากซึ่งการเหยียดหยามดูถูกดูแคลน ปราศจากซึ่งความถือตัวทะนงตัว ไม่มีการยกตนข่มท่าน
ที่สังคมไทยเป็นเช่นนี้ได้ เพราะการเปิดกว้างทางจิตใจที่มาจากขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมแต่ดั้งเดิม ที่ตระหนักว่าต้องอยู่ท่ามกลางของความหลากหลายแตกต่าง ที่ต้องข้องแวะ ติดต่อ และแลกเปลี่ยนกัน ไม่มีผู้ใดสามารถจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ หรือจะเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นใดได้ สังคมไทยตลอดประวัติศาสตร์ชาติจึงจัดได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการคบหาสมาคม และมิเคยได้ตั้งตนเหนือผู้อื่น หรือเป็นผู้รุกราน หรือก่อสงคราม
สังคมไทยเป็นสังคมหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในโลกที่สามารถรับเอาระบบความเชื่อถือจากชมพูทวีป (เอเชียใต้) จากเอเชียตะวันตกและจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ หรือนัยหนึ่งการเข้ามาของความคิด ความเชื่อถือของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื้อ และศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม ซึ่ง ณ วันนี้สถาบันกษัตริย์ของสังคมไทยเราเป็นผู้อุปฐากศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู-พราหมณ์ ศาสนาคริสต์ ศาสนาซิกข์ และศาสนาอิสลาม และในการนี้สังคมไทยโดยตลอดมาก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบเรียบร้อยระหว่างศาสนา โดยมีการยอมรับและเคารพซึ่งกันและกันไม่ต้องประสบกับการสงครามระหว่างกันในเรื่องศาสนาและความเชื่อถือแต่อย่างใด เป็นความประเสริฐและงดงามยิ่งของสังคมไทยเรา
เมื่อ 500 ปีที่แล้ว สังคมไทยก็เป็นดังเช่นสังคมต่างๆ ทั่วโลก ที่ต้องเผชิญกับการบุกรุก รุกราน ครอบงำ ของลัทธิการล่าอาณานิคมของฝ่ายยุโรป โดยสังคมไทยก็ได้แสดงความสามารถในการใช้สันติวิธีเจรจาเพื่อความอยู่รอดและรักษาเอกราช เพราะตระหนักดีในเรื่องพละกำลังทหารที่ไม่ทัดเทียมหรือที่อ่อนด้อยกว่า และเมื่อมีภยันตรายจากการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยการนำพาของสหภาพโซเวียตและจีนคอมมิวนิสต์ สังคมไทยก็สามารถใช้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม เป็นภูมิคุ้มกันและเร่งรัดพัฒนาตัวเองด้วยการรับการช่วยเหลือสนับสนุนจากมิตรประเทศ และสังคมไทยเราก็ยุติความแตกแยกเมื่อมีการอภัยโทษให้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ด้วยการปรองดองสมานฉันท์ และกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อร่วมกันสร้างชาติ
สังคมไทยโดยทั่วไปมีประชากรที่ใจบุญสุนทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และโอบอ้อมอารี ไม่ชอบการเผชิญหน้าประหัตประหารกัน และมักจะมีการให้อภัยกัน ไม่อาฆาตแค้นกันให้ถึงที่สุด เสมือนกับว่าคนไทยขี้ลืมหรือลืมง่าย และไม่เอาจริงเอาจัง แต่อีกมุมหนึ่งอาจมองได้ว่ามีการเปิดโอกาสให้มีการกลับเนื้อกลับตัวกลับใจก็ว่าได้ และเรามีวลีว่า “จับเข่าคุยกัน” และวลีว่า “หันหน้าเข้าหากัน” ซึ่งเป็นคำสอนและคำเตือนสติที่ดีงามที่สามารถใช้ได้กับทุกเวลาและโอกาสในยามขัดสนและคับแค้น
ฉะนั้น สังคมไทยไม่จำเป็นที่จะต้องจมอยู่กับความท้อแท้อีกต่อไป เมื่อสังคมไทยเราจะเอาความดีงามต่างๆ กลับมาเป็นเป้าหมายและหลักปฏิบัติ เราก็จะสามารถฟันฝ่าความท้อแท้ต่างๆ ไปได้อย่างสง่างาม อีกทั้งจะช่วยบำรุงขวัญและเสริมสร้างความภูมิอกภูมิใจให้กับตัวเราเองด้วย ก็หวังว่าทุกหมู่เหล่าจะได้มีสติทบทวนจุดดีจุดเด่นของสังคมไทยเราแล้วนำมาปฏิบัติอย่างมั่นอกมั่นใจ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี