น่าเวทนามาก... เมื่อวานนี้ (7 เม.ย. 2568) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก “Kittiratt Na Ranong”ระบุว่า “ไม่เห็นใครเดินขบวน ต้านบ่อนเถื่อนทั่วกรุงเลย แต่พอรัฐจะสร้างกาสิโน นำรายได้มาพัฒนา กลับดิ้นค้านกันใหญ่เลย คุณปกป้องบ่อนเถื่อนรึ”
1. วิธีคิดของนายกิตติรัตน์ เปลือยสติปัญญาและหัวกะโหลกออกมาชัดเจน
ถามว่า ใครจะเดินขบวนต้านบ่อนเถื่อนกันเล่า ก็ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของรัฐบาล ตำรวจ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งหลาย ที่จะต้องจับกุม ปราบปราม ยึดทรัพย์บ่อนเถื่อนทั้งหลายอยู่แล้ว
ทำไมนายกิตติรัตน์ไม่เอาข้อมูลเบาะแสไปแจ้งรัฐบาลที่เป็นพรรคพวกเดียวกันเล่า?
ทำไมนายกิตติรัตน์ไม่เอาหลักฐานไปแจ้งตำรวจเสียเลยเล่า?
แต่นายกิตติรัตน์ อดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรีคลัง (ที่เคยวิ่งหนีชาวนาตอนที่มาทวงเงินค่าข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์) กลับมาโพสต์กล่าวหา ด้อยค่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเกิดกาสิโนถูกกฎหมายในรูปเอ็นเตอร์เมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีสิทธิเสรีภาพโดยชอบที่จะคัดค้านนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะนโยบายที่ไม่เคยหาเสียง และไม่ได้แถลงเป็นนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภามาก่อนว่าจะเกิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย
ใส่ร้ายว่าคนคัดค้านเป็นพวกปกป้องบ่อนเถื่อน!!!!
คนระดับอดีตรองนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย กำลังใช้วิธีการบิดเบือน ด้อยค่าประชาชนอย่างน่าอดสูยิ่งนัก
2. คนค้านกาสิโน ที่อดีตรัฐมนตรีคลังของพรรคเพื่อไทยบิดเบือนว่าเขาปกป้องบ่อนเถื่อนนั้น มีมากมายหลายองค์กร
ล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิต มีคุณวุฒิ มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ และมีความรักความปรารถนาดีต่อประเทศไทยทั้งสิ้น
ยกตัวอย่าง
2.1 คณะราชบัณฑิต
การประชุมราชบัณฑิตและภาคสมาชิก สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองราชบัณฑิตยสภา โดยมี ศ.กิตติคุณ ปิยนาถ บุนนาค เป็นประธาน
ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบรายงานการศึกษาของ ศ.ดร.วรเดช จันทรศร ราชบัณฑิตที่เสนอว่า รัฐบาลควรยุติหรือชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่นำร่างกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
ระบุว่า “เป็นนโยบายที่รัฐบาลไม่ควรทำ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ได้น้อย และไม่แน่ว่าจะได้ต่อเนื่อง แต่จะมีผลเสียอย่างแน่นอน และมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อเสนอต่อรัฐบาลก็คือ รัฐบาลควรยุติ หรือชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่นำร่างกฎหมายเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติ”
ถามว่า ท่านราชบัณฑิตที่ลงมติเช่นนั้น เป็นผู้ปกป้องบ่อนเถื่อน ตามตรรกะที่นายกิตติรัตน์โพสต์ อย่างนั้นหรือ?
2.2 กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ทำจดหมายเปิดผนึกคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
เนื้อหาบางส่วน ระบุถึงประเด็นด้านเศรษฐกิจ ชี้ว่า
“....ผลกระทบทางเศรษฐกิจ - สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นหลัก อาจไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง เพราะการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติ เป็นเพียงการโอนย้ายเงินจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการใดๆ ในทางกลับกัน อาจส่งผลกระทบต่อสังคมและก่อให้เกิดต้นทุนสาธารณะที่สังคมโดยรวมต้องมาแบกรับ จึงไม่ก่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ขาดธรรมาภิบาล - ร่างพระราชบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรีอย่างล้นเกิน ขาดการแบ่งแยกอำนาจเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุล เสมือนการให้เช็คเปล่ากับฝ่ายบริหาร สามารถแสวงประโยชน์อย่างไรก็ได้
ความเสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรม - กาสิโนสามารถถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย อาชญากร รวมถึงข้าราชการและนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่น หากพื้นฐานของประเทศนั้น ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดีพอมีการทุจริตคอร์รัปชั่นสูง รวมถึงการมีกฎหมายที่มีช่องโหว่
การไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน- ปัจจุบัน ปรากฏเสียงคัดค้านจากทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งองค์กรศาสนา แพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข นักวิชาชีพ และกลุ่มมวลชนต่างๆ การเร่งผ่านกฎหมายโดยไม่ฟังความเห็นค้านของประชาชน อาจนำไปสู่การจุดชนวนความขัดแย้งทางสังคม ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งไม่เป็นที่คนไทยโดยส่วนใหญ่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้นอีก
การเคารพมติมหาชน - หากรัฐบาลเชื่อมั่นในนโยบายนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และพร้อมจะชี้แจงเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน รัฐบาลสมควรจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ...”
2.3 กลุ่มสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
ทำหนังสือเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา
ขอให้พิจารณาไม่ผ่าน ร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิง พ.ศ....
เนื้อความบางตอน ระบุว่า
“1) ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพประชากรและปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อให้สามารถเพิ่มพูนแข่งขันกับนานาชาติได้ แต่การพนันทั้งกาสิโนและพนันออนไลน์เป็นอบายมุขที่เป็นปากเหวแห่งความเสื่อมที่จะบั่นทอนกำลังกาย กำลังสติปัญญาทั้งของเยาวชนและศักยภาพของประชากรในวัยทำงาน รัฐบาลควรมุ่งหมายในการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์เพื่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว ไม่ใช่ส่งเสริมอบายมุขเพื่อทำลายศักยภาพของคนไทย
2) การเปิดบ่อนการพนัน และต่อไปจะมีการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย เป็นการส่งสัญญาณการพัฒนาประเทศที่ผิด ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่ตามมาอย่างที่สามารถคาดเดาได้ เช่น จะมีคนสูญเสียหมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้เป็นสิน การทะเลาะเบาะแว้ง การทอดทิ้งลูกและครอบครัว รวมทั้งเกิดความรุนแรงถึงฆ่าตัวตาย การก่ออาชญากรรม ปล้นชิงทรัพย์ชุกชุม ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศรวมทั้งในประเทศไทย ทำให้ผู้คนหมกมุ่นเล่นการพนัน ไม่อยากประกอบสัมมาอาชีพ การพนันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โรคติดพนัน” เป็นโรคทางจิตที่เสพติดการพนัน มีคำกล่าวว่าผีร้ายที่สุดคือผีพนัน เป็นการบ่อนทำลายอนาคตของเยาวชนและประชาชน เป็นหายนะภัยอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติและต่ออนาคตของลูกหลานคนไทยทั้งปวง
3) ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้าง ดังที่สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ชี้ไว้แล้วว่าการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP เพราะการโอนย้ายเงินจากผู้เสียพนันไปให้ผู้ได้พนัน ปราศจากการผลิตสินค้าและบริการใดๆ เป็นเพียงการย้ายเงินจากมือคนหนึ่งไปสู่มืออีกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทำให้คนเล่นหรือเหยื่อหมดเนื้อหมดตัว มีแต่เจ้ามือและกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ร่ำรวย
4) บ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ คือ ที่รวมของการฉ้อฉลคดโกงทั้งปวง เช่น คอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี โจรนักตีชิงวิ่งราว และเป็นบ่อเกิดและแหล่งรวมอบายมุขทั้งปวง เป็นที่ฟอกเงินผิดกฎหมายทั้งหลายที่อยู่ใต้ดินให้กลายเป็นเงินที่อยู่บนดิน ดังนั้น การตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชั่นจะทำได้ยากมากขึ้น
5.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยประกาศหาเสียงให้สัญญากับประชาชนว่า เมื่อได้อำนาจจัดตั้งรัฐบาลแล้ว จะเปิดบ่อนการพนันขึ้นในพระนครและเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง จึงเป็นการกระทำของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย เป็นการหลอกลวงเพื่อชิงอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งได้แล้ว ก็ดำเนินการตามอำเภอใจ ผิดหลักการการเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้ง
ในท่ามกลางความเร่งร้อนของรัฐบาลและรัฐสภาที่ร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายกาสิโนและการพนันออนไลน์เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯนั้น มีประชาชนจากหลายภาคส่วนของสังคมออกมาคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าประชาชนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับกาสิโนและการพนันออนไลน์ และจะเพิ่มความเข้มข้นในการต่อต้านยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
สมควรที่รัฐบาลและรัฐสภาจะต้องรับฟัง มิเช่นนั้นแล้วท่านจะกลายเป็นผู้นำทรราชที่ไม่รับฟังเสียงคัดค้านของประชาชนที่เลือกพวกท่านขึ้นมาเป็นผู้แทนของประชาชน และจะหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติตามรายนามข้างท้ายนี้ขอเรียกร้องต่อรัฐบาล รัฐสภา พรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา ได้โปรดรับฟังเสียงคัดค้านของประชาชน โปรดพิจารณาไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ที่มีการสอดแทรกกาสิโนอยู่ในร่างกฎหมายนี้...”
รายชื่อของอดีต สปช. ที่ลงนามจำนวนนับร้อยคน ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีประสบการณ์ความรู้ทั้งสิ้น อาทิ
1.ศ.เทียนฉาย กีระนันทน์ (อดีตประธาน สปช.) 2.รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง (อดีตรองประธาน สปช.) 3. รศ.ดร.กอบกุล พันธ์เจริญวรกุล 4. ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ 5.นางกอบแก้ว จันทร์ดี 6.นายเกริกไกร จิระแพทย์ 7.นายกิตติภณ ทุ่งกลาง 8.นายไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ 9.นายสุชาติ นวกวงษ์ 10.รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 11.น.ส.รสนา โตสิตระกูล 12.นายฐิติ วุฑฒิโกวิทย์ 13.นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ 14.นายทนงศักดิ์ ทวีทอง 15.นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล 16.นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ 17.นายประสาร มฤคพิทักษ์ 18.นางสีลาภรณ์ บัวสาย 19.นายธวัช สุวุฒิกุล 20.นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ 21.นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ 22.นายพลเดช ปิ่นประทีป 23.นายอำพล จินดาวัฒนะ 24.นายจำลอง โพธิ์สุข 25.นายนำชัย กฤษณาสกุล
26.นายปรีชา บุตรศรี 27.นายคุรุจิต นาครทรรพ 28.นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ 29.นายกาศพล แก้วประพาฬ 30.นายมนู เลียวไพโรจน์ 31.นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ 32.นายจุมพล รอคำดี 33.พลโทสิระวิตร์ นาคทอง 34.นางเบญจวรรณ สร่างนิทร 35.รศ.ดร.สืบพงศ์ ธรรมชาติ 36.นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช 37.พลเอกวิชิต ยาทิพย์ 38.นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร 39.ผศ.ดร.ดิเรก ถึงฝั่ง 40.พล.ต.ต.ปรีชา สมุทระเปารยะ 41.นางเตือนใจ สินธุวณิก 42.นายสุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ 43.น.อ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ 44.ดร.โกวิทย์ ทรงคุณ 45.นายวีระศักดิ์ ภูครองหิน 46.ว่าที่ ร้อยเอก จิตร์ ศิรธรานนท์ 47.นายจิรวัฒน์ เวียงด้าน 48.ศ.ศุภชัย เยาวะประภาษ 49.นายคำนูณ สิทธิสมาน 50.รศ.ประภาภัทร นิยม 51.นายสรณะ เทพเนาว์ 52.พล ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ฯลฯ
3. เป็นที่น่าเวทนามาก หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีสายตาเฉกเช่นอดีตรัฐมนตรีคลังของพรรค คือ นายกิตติรัตน์ ที่กล่าวหาว่าคนที่ออกมาคัดค้านกาสิโน คือ พวกปกป้องบ่อนเถื่อน
คนที่คัดค้านกาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในขณะนี้ มีทั้งองค์กรวิชาการ องค์กรภาคประชาชนนับร้อยเครือข่าย องค์กรศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ประชาชนในแวดวงอาชีพการงานต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนอย่างบริสุทธิ์ใจ
ถามว่า ทักษิณ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ และพรรคเพื่อไทย มองเหมือนกับนายกิตติรัตน์ใช่หรือไม่ จึงยังผลักดันต่อเนื่อง?
ถ้าใช่ รัฐบาลชุดนี้ ก็กำลังจะเป็นรัฐบาลทรราช ที่เห็นประชาชนเป็นศัตรูอย่างแท้จริง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี