ประชาชน คือ ประชาชน เป็นทั้งเจ้าของสิทธิ เสรีภาพ และอำนาจ ตามระบอบประชาธิปไตย
แม้ระบอบประชาธิปไตยของไทย จะใช้ระบบ “ตัวแทน” คือ ให้ประชาชนเลือก “ผู้แทนราษฎร” ไปทำหน้าที่ผ่าน “สภาผู้แทนราษฎร” แต่ไม่ได้หมายความว่า ราษฎรผู้นั้น จะกลายเป็น “ทาส” หรือ “ขี้ข้า” ของผู้แทนของเขา ของ “พรรคการเมือง” ที่เขาเลือก หรือต้องร่วมเป็น “ขี้ข้าของนายใหญ่” ผู้เป็นเจ้าของพรรค หรือเจ้าของฟาร์มสุนัขทางการเมืองไปด้วย
เช่น ขณะนี้ ประชาชนหรือราษฎรจำนวนมาก กำลังใช้สิทธิพลเมืองประกาศจุดยืน “ไม่เอากาสิโน”สิ่งที่ไม่อยากเห็นเลย คือ “ขี้ข้ามาใช้” ของฝ่ายการเมือง ออกมาใช้ “ตรรกะวิบัติ” กับพลเมืองเหล่านี้
พวกเขาจะ “สมองฝ่อ” ด้วยเชื้อโรคที่เรียกว่า “เชื้อขี้ข้า” จนไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร แต่จะมาชี้นำ ข่มขู่ บังคับ หลอกล่อ บิดเบือน ให้ “สมองของประชาชนอ่อนแอ” ตามไปด้วย ไม่ได้!
“นักการเมืองคนหนึ่ง” ที่ผมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งขณะนี้ คือ “นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ”
เขาเคยเป็น “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร”ที่ “ทำหน้าที่ได้ดี” น่าเคารพ น่าศรัทธา
แต่ในเวลานี้ ที่เขาออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่อง “สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน” ผมมีคำถามกับเขามากมาย
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุหากพรรคร่วมรัฐบาลไหนแตกแถวไม่โหวตรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในวาระแรก จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันทีว่า
เท่าที่เห็นก็เป็นเพียงรายงานข่าว ไม่มีที่มาที่ไป ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่โดยสามัญสำนึกส่วนตัว ตนไม่เชื่อเลยว่า นายทักษิณจะพูดแบบนั้น บุคคลที่เป็นถึงอดีตนายกฯ สองสมัยไม่มีทางเลยที่จะพูดแบบนี้ได้เชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาทำตัวเป็นบ่างช่างยุ มีเจตนาอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกแยกกันมากกว่า
“สส.ส่วนใหญ่ที่อ่านข่าวต่างก็หัวเราะกัน เพราะไม่มีใครเชื่อ แล้วมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คนระดับนายทักษิณจะพูด หรือให้ความเห็นแบบนี้ออกมา พรรคร่วมรัฐบาลเองเขาก็อยู่กันดีๆ คนที่ออกมาพูดแบบนี้ ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร ทีเรื่องบ่อนเถื่อนผิดกฎหมายไม่เห็นมีใครออกมาพูดว่า หรือโวยกันบ้าง ภาษีก็เก็บไม่ได้ พอเราอยากจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กลับออกมาโวยวายกันใหญ่ พูดแต่เรื่องกาสิโน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่แค่ 10% ทำไมไม่พูดถึงอีก 90% ของเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์บ้าง อย่างไรก็ตาม รอให้กฎหมายผ่านก่อน และยังต้องใช้เวลาอีกสองปีซึ่งจะต้องทำประชาพิจารณ์กันอีก จังหวัดไหนไม่เอาก็ว่ากันไป ยังต้องใช้เวลาอีกมาก พวกที่ออกมาค้านเป็นเพราะเสียโอกาสใช่หรือไม่” นายวิสุทธิ์กล่าว
ผมขอวิเคราะห์การให้สัมภาษณ์ของนายวิสุทธิ์ ดังต่อไปนี้
ประเด็น 1) นายวิสุทธิ์ มีความน่าเชื่อถือ (Credit) แค่ไหน ในการยืนยันว่า นายทักษิณไม่ได้พูดเขาเป็นบุคคลใกล้ชิดนายทักษิณใช่หรือไม่ เป็นคนที่นายทักษิณไว้ใจ ใช้งาน เป็นคนสำคัญ ได้ร่วมกินข้าวกินปลา ไปนั่นมานี่ ทุกครั้งทุกทีที่มีวาระสำคัญทางการเมืองที่ต้องใช้ “นายทักษิณ” ออกหน้า หรือนายทักษิณต้องการออกหน้าเอง ใช่หรือไม่ ผมกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ หากจัดลำดับด้วยหลัก “พนักงานบริษัท” สถานะของนายวิสุทธิ์วันนี้ ไม่ใช่ “ผู้บริหารระดับสูง” ไม่ใช่ “ขุนพลที่ปรึกษา” ของท่านประธานบริษัทเลย เต็มที่ก็แค่ “หัวหน้าแผนก” ที่ต้องรับคำสั่งมากกว่าให้คำปรึกษา ดังนั้นผมไม่อาจปลงใจเชื่อนายวิสุทธิ์ ที่เกือบอยู่ในชั้น “พนักงานระดับล่าง” ของบริษัท “จันทร์ส่องหล้า” ได้เลยว่า นายทักษิณไม่ได้พูด
ประเด็นที่ 2) แล้วนายทักษิณพูดจริงหรือไม่ว่า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนไม่เห็นด้วยกับ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ให้ออกจากการร่วมรัฐบาลไป อันนี้ผมก็ไม่รู้ ไม่สามารถยืนยันได้ แต่ถามว่า คนอย่างทักษิณ พูดแบบนี้ได้ไหม ตอบเลยว่า ได้!ทักษิณแสดงความลำพอง โอหัง ว่าเป็นใหญ่เหนือนายกฯ เหนือรัฐบาล บ่อยครั้ง จิกกัดพรรคร่วมรัฐบาลเป็นประจำ ตำหนิ ออกคำสั่ง และเสนอให้ลาออกไปก็เคย ด้วยสันดานเช่นนี้ ด้วยท่าทีเช่นนั้น เมื่อมีข่าวนี้แพร่ออกมาคนจึงเชื่อกันในทันที เพราะตรงกับสันดานและการแสดงออกของทักษิณอย่างที่เคยมีมา บวกกับว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็ “เชื่อง” มากๆ ด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่คนเชื่อในข่าวนี้ว่า จริง! แม้อาจไม่จริงในความเป็นจริงแต่ดูเหมือนจริงในความรู้สึกของประชาชนไปแล้ว
ประเด็นที่ 3) ที่นายวิสุทธิ์กล่าวว่า “แต่โดยสามัญสำนึกส่วนตัว ตนไม่เชื่อเลยว่า นายทักษิณจะพูดแบบนั้น บุคคลที่เป็นถึงอดีตนายกฯสองสมัยไม่มีทางเลยที่จะพูดแบบนี้ได้ เชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาทำตัวเป็นบ่างช่างยุ มีเจตนาอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกแยกกันมากกว่า” มีความเสี่ยงที่จะถูกมองหลายมุม เช่น เชื่อง, สอพลอ, ตอแหล หรือไม่ก็ “ไร้เดียงสาฉิบหาย” อะไรทำนองนี้ เพราะคนในบ้านนี้เมืองนี้ เขาโคตรจะ“รู้เช่นเห็นชาติ” นายทักษิณ ชินวัตร กันแล้วทั้งสิ้น และโชคดีที่เขาเป็น “ประชาชน” เป็น “ราษฎร” จึงทำให้เขามีอิสระ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ต้องประจบสอพลอ หรือเอาตัวรอด เขาสามารถยืนหยัดและยืนยันสิ่งที่เขาคิด หลักการที่เขายึด และพูดออกมาได้อย่างสบายๆ จนอยากให้นายวิสุทธิ์ ได้ “มีกินมีใช้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ดังคำประกาศของนางสาวแพทองธารชินวัตร ลูกในครอบครองของนายทักษิณ เหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป เสียจริงๆ
ประเด็นที่ 4) ที่นายวิสุทธิ์พูดว่า “ทีเรื่องบ่อนเถื่อนผิดกฎหมายไม่เห็นมีใครออกมาพูดว่า หรือโวยกันบ้าง ภาษีก็เก็บไม่ได้ พอเราอยากจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กลับออกมาโวยวายกันใหญ่” อันนี้น่าสงสารมากนะครับ สังคมกำลังสงสัยว่า คำพูดนี้ วาทกรรมนี้ วิธีคิดนี้เป็น propaganda เป็นกลวิธีเบี่ยงประเด็นและโน้มน้าวผู้คนให้มาเห็นในทางนี้ เพราะเห็นหลายๆ คนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย พยายามพูดกันแบบนี้เป็น echo chamber กึกก้องไปทั้งกะลาที่ครอบอยู่ ซึ่งโชคดีที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่โง่และมีสติพอที่จะมีอาการเดียวกันนั้น
คุณวิสุทธิ์ครับ บ่อนเถื่อน-เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ “ปราบปรามให้สิ้นซาก” หากรัฐบาลไหนต้องรอให้ประชาชนโวยวาย
ต้องเรียนตามตรงว่า นั้นเป็นรัฐบาลที่เหี้ยมากครับ คุณภาพต่ำสุดๆ ถึงขั้นต้องให้ประชาชนโวยวาย มันคือการ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” นะครับคุณครับ เรามาถึงยุคสมัยที่ต้องนั่งชี้แจงเรื่องโง่ๆ ง่ายๆ ให้คนระดับประธานวิปรัฐบาล และอดีตประธานสภาฯ ฟังกันแล้วหรือครับนี่
บ่อนผิดกฎหมาย พวกคุณก็ปราบสิ เก็บภาษีไม่ได้ ก็เพราะมันเป็นธุรกิจผิดกฎหมายไง งงอะไร (วะ) ครับ?
บ้านเมืองมีธุรกิจผิดกฎหมาย รัฐบาลไม่ปราบ แล้วเสือกมีคนในระดับประธานวิปรัฐบาลมาชี้หน้าด่าพลเมืองว่าไม่โวยวาย ถามจริงๆ ว่าประเทศที่มีเหตุการณ์แบบนี้ กำลังจะเจริญหรือกำลังจะฉิบหายครับ?
ไม่ปราบ ละเว้น ละเลย ให้มีบ่อนผิดกฎหมาย แล้วมาอ้างว่า งั้นทำให้ถูกกฎหมายสิ จะได้เก็บภาษี มันเป็น “วิธีคิด” ที่ถูกต้อง และ “มีคุณภาพ” แล้ว จริงๆ หรือครับ
นี่ยาบ้าก็ยังมีขายกันอยู่เลย เก็บภาษีก็ไม่ได้หวั่นใจเหลือเกินว่า ท่านประธานวิปรัฐบาล วิสุทธิ์ ไชยณรุณ จะเสนอให้มี “ยาบ้าถูกกฎหมาย” เพื่อจะได้เก็บภาษีเสียจริงๆ
ประเด็นที่ 5) ที่นายวิสุทธิ์กล่าวว่า “พอเราอยากจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย กลับออกมาโวยวายกันใหญ่ พูดแต่เรื่องกาสิโน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่แค่ 10% ทำไมไม่พูดถึงอีก 90% ของเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์บ้าง”
ชัดเจนเลยว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยากทำ“บ่อนการพนัน” ถูกกฎหมาย แล้วไปเอาสิ่งที่เรียกว่า “สถานบันเทิงครบวงจร” มาห่อหุ้มไว้
คุณวิสุทธิ์ครับ โรงแรมก็ดี สวนสนุกก็ดี สนามกีฬาก็ดี สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตหรือขายสินค้าโอท็อปก็ดี มันไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้คนและสังคม และมันมีอยู่แล้ว มันไม่ได้ขาดแคลน ความอุบาทว์ชาติชั่วที่คนไทยเขา “รู้มัน” และ “จับได้” คือ การบังคับให้ต้องเปิด “กาสิโน” ไงถ้าเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน ใครเขาจะขวาง ใครเขาจะกังวล
แล้วเลิกพูดว่ามีแค่ 10% ได้แล้ว ให้ “คนที่โง่กว่าคุณ ไร้การศึกษากว่าคุณ อายุน้อยกว่าคุณ”เป็นคนพูดเถอะครับ อย่าเอาวัยวุฒิคุณวุฒิที่มีไปพูดอะไรที่มันกระจอกๆ และโง่เง่าเต่าตุ่นแบบนี้เลยครับ ผมเป็นห่วง
มีแค่ 10% แต่เป็นพิษ คนเขาก็ไม่อยากให้มีหรอกครับ เหมือนอยู่ๆ คุณวิสุทธิ์เกิดมี “เนื้อร้าย” หรือ “มะเร็ง” เกิดขึ้น คุณวิสุทธิ์จะทำเป็นเฉยแล้วพูดว่า “มันก็แค่ 10% ของร่างกาย” ไหมล่ะ
บ้านเมืองเป็นเหมือนร่างกายและจิตใจของคนไทยครับ
อย่ามา “ข่มขืนประเทศไทย” จะยัดเยียดอะไรลงไป โปรดสนใจความต้องการและไม่ต้องการของประชาชนด้วย
เพราะประชาชนคือประชาชน ไม่ใช่ขี้ข้าของคุณ ไม่ใช่ขี้ข้าของ “ทักษิณ ชินวัตร” (เหมือนพวกคุณ?)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี