เรื่อง“กาสิโน”รัฐบาลต้องเอากาสิโนออกจากร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ไม่ใช่ถอยตั้งหลัก เพื่อคิดจะลักหลับตามสันดานของนักการเมืองในคอกพรรคเพื่อไทย
เพราะถึงแม้ว่าเมื่อวันที่ 9 เมษายนเมื่อวานนี้ ร่างกฎหมาย“การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร”ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีจะไม่ได้มีการพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามที่“มาดามแพทองโพย”สั่งถอย โดยอ้างว่า มีปัญหาสำคัญของประเทศอีกหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขไปตามลำดับเร่งด่วน แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ยัง“คา”อยู่ในสภาฯ พร้อมที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาได้ตลอดเวลา
อีกทั้ง แม้ว่าสภาฯจะปิดสมัยประชุมตั้งแต่หลังวันที่ 10 เมษายน คือตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ตาม แต่อีก 2 เดือนข้างที่สภาฯจะกลับมาเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยก็ยังสามารถงัดกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
ถ้ารัฐบาลฟังเสียงประชาชน หนทางเดียวเพื่อยุติปัญหาความแตกแยกของคนในชาติที่จะบานปลายต่อไปไม่รู้จบ ตราบใดที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังมีอยู่ นั่นก็คือ ถอนกาสิโนออกจากร่างกฎหมายฉบับนี้ คือเอาออกจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้เป็นสถานบันเทิงครบวงจรอย่างแท้จริง และเป็นจริงตามเจตนารมณ์
เพราะประเด็นที่“มาดามแพทองโพย”อ้างว่า การถอยของรัฐบาลเพื่อที่จะได้ชี้แจง และทำให้ประชาชนทุกฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านกฎหมายฉบับนี้เข้าใจ ดังที่นายกรัฐมนตรีผู้อ่อนด้อยสติปัญญาคนนี้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 เมษายนว่า “นอกจากการรับฟังและพูดคุย คงต้องชี้แจงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อทำความเข้าใจ โดยเฉพาะภาพของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถูกมองเป็นภาพกาสิโน ซึ่งไม่ใช่ความตั้งใจของเรา คือทั้งครอบครัวลูกเด็กเล็กแดงไปได้หมด ไปเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีทุกอย่างอยู่ในนั้น ไม่ใช่แต่เป็นเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มีกาสิโนอยู่ในนั้น”
หากพิจารณาตามถ้อยความที่“มาดามแพทองโพย”กล่าว มองได้ 2 ประการ ในประการแรกแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยที่มักจะอ้างประชาธิปไตยขึ้นบังหน้ายังดึงดันที่จะ“เอาให้ได้” โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชนส่วนใหญ่ทุกภาคส่วนในประเทศนี้ และไม่สนใจที่จะทำการศึกษาถึงผลกระทบให้รอบคอบรอบด้าน ว่า“กาสิโน”ที่ซุกอยู่ในร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”นั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดหายนะทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ตามที่ทุกภาคส่วนมองเห็นจนต้องลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านอย่างกว้างขวางในเวลานี้
และประชาชนคนไทยที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้าน ล้วนแล้วแต่เป็นภาคส่วนที่สำคัญของบ้านเมือง อาทิ องค์กรทางศาสนา ทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์, อดีต สว.191 คน, ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ปี 2550) 30 คน, อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 102 คน, แพทย์เกือบ 200 คน, ผู้นำองค์กรภาคประชาสังคม 100 องค์กร, นักวิชาการและคณาจารย์ 99 คน, องค์กรนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย, สหพันธ์รัฐวิสาหกิจ, กลุ่มเกษตรกร และตลอดจนประชาชนอีกหลากหลายอาชีพทุกจังหวัดทั่วประเทศ
อีกประการหนึ่ง ตามถ้อยความที่“มาดามแพทองโพย”กล่าวไว้ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ“มาดามแพทองโพย”บิดเบือนและกะล่อนปลิ้นปล้อนเพื่อสื่อสารให้มวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยหลงเชื่อ และเห็นตามว่า ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์”ไม่เข้าใจหัวใจของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่ามีวัตถุประสงค์ต้องการสร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาล
ดังเช่นที่“มาดามแพทองโพย”จำอยู่ในสมองและพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองทุกครั้ง เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามจี้เรื่องนี้ ว่า“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน” โดยให้เหตุผลว่า เพราะในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีกาสิโนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นอินดอร์สเตเดียมหรือฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ความจุ 5 หมื่นคน เป็นโรงแรม เป็นสวนน้ำ และเป็นร้านอาหาร เป็นต้น
ขยายความได้ดังนี้ซึ่งเป็นคำพูดของ“มาดามแพทองโพย”ในหลายๆ วาระ ที่ชี้แจงเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า
“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วยหลายอย่าง จะมีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น สำหรับธุรกิจที่มีอยู่ในเมืองไทยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวนน้ำ หรือโรงแรม แต่ที่จำเป็นมากคือ อินดอร์สเตเดียมที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ดิฉันเข้ามาตรงนี้ได้ฟังหลายๆ กลุ่มที่เขาอยากจัดงานที่ประเทศไทย เพราะต่างชาติชอบประเทศไทย ออแกไนซ์เซอร์ก็ชอบ แต่สถานที่ของเรายังไม่ใหญ่เพียงพอรับคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ได้ ทำให้หลายครั้งเราพลาดโอกาสดีๆ ไป อันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น ถ้าทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ มีทุกอย่างครบวงจร สามารถจัดงานได้ และเอ็นเตอร์เทนสำหรับครอบครัวได้ด้วย ต้องมองภาพเป็นภาพใหญ่ ไม่ใช่เจาะเฉพาะกาสิโน ต้องมองความจริงทั้งหมด ทั้งคอมเพล็กซ์ว่ามีอีกเยอะ และแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เวลานักท่องเที่ยวมาเที่ยว เที่ยวเป็นซีซั่น แต่อันนี้สามารถเที่ยวได้ทั้งปี อยากให้มองภาพรวมภาพใหญ่นี้ด้วย”
จึงทำให้มีคำถามว่า ก็ในเมื่อ“กาสิโน”มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ทำไม่ถึงไม่เอาออกไปเลย เพราะหัวใจขของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อยู่ที่อีก 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่กาสิโนดังที่“มาดามแพทองโพย”ชี้แจง มิหนำซ้ำ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโนอยู่ในนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ สามารถชักชวนเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนได้ทันทีตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้
แต่ที่ต้องซุก“กาสิโน”ไว้ในร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็เพราะเจ้าของคอกเพื่อไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ตามข่าวที่ปรากฏมากกว่า ว่าได้มีการจัดสรรปันส่วนลงตัวกันหมดแล้ว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี