“ภูมิใจไทย” เป็นพรรคการเมืองที่ลื่นไหล ไหลจนคน “จับ” ไม่ได้ว่า “จุดยืนของพวกเขา อยู่ตรงจุดไหนกันแน่
หลายต่อหลายเรื่อง ที่หัวหน้าพรรคอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีจุดยืนชัดเจน ได้ใจสังคม อีกชั่วโมงถัดมา ก็มีภาพอี๋อ๋อคลอเคลียกับ “นายทักษิณ ชินวัตร” ให้สังคมข้างที่ไม่เอาทักษิณ หมั่นไส้ และกลับไประแวงแคลงใจใหม่อีกรอบ
เป็นพรรคการเมืองที่ฝั่ง “อนุรักษ์นิยม”เชื่อในใจความ “รักเจ้า-เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์”แต่ก็กังวลกับ “ความซื่อสัตย์สุจริต” เพราะทั้งเรื่อง “เสียบบัตรแทนกัน” จนต้องติดคุกติดตะราง ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือ “ทุจริตการเลือกตั้ง” จนต้อง“เลือกตั้งซ่อม” ก็หนักมาทาง “พรรคภูมิใจไทย”
ตกลงพรรคนี้ เป็นพรรคการเมืองกี่หน้า เล่นไพ่ใบไหน และเราจะไว้ใจเขาได้หรือเปล่า
“กระบวนยุทธ์” ล่าสุด ของภูมิใจไทย ก็เด็ด และเผ็ดอีกแล้ว ในเรื่อง “กาสิโน”
1) เมื่อวันที่ 9 เม.ย.เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ในระหว่างพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา 10 ญัตติ ให้สภาฯพิจารณาศึกษาผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เสนอญัตติเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมทั้งภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก ว่า ก่อนที่ตนจะเข้าเนื้อหาในญัตติ ขอพูดผ่านประธานฯ ไปถึงนายกฯ ขอบคุณนายกฯ จากใจจริง การที่เราได้มีโอกาสอภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์และสำคัญต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยในวันนี้ เครดิตต้องอยู่ที่นายกฯท่านเดียว ได้ฟังสิ่งที่ท่านได้สัมภาษณ์ประเด็นที่ท่านให้ความสำคัญ
นายไชยชนก กล่าวต่อว่าตนขอบอกเลยว่าวันนี้สำหรับตน ท่านนายกฯ ได้โชว์วุฒิความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง สำหรับตนนายกฯ คือนายกฯ ของประเทศไทยอย่างแท้จริง นายกฯ ได้มองถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทยก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว นายกฯได้ตระหนักถึงข้อมูลที่ตนแม้จะเป็นแค่นักการเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไปนำเสนอจากใจด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมีทั้ง 3 เรื่องที่ท่านได้แถลง และ 3 เรื่องที่ตนเสนอในญัตติวันนี้ สำหรับตนอยากจะฝากไปถึงท่านนายกฯ ว่าตนให้คำสัญญาว่าจากนี้เป็นต้นไป ตนจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง สติปัญญาที่ตนมีเพื่อสนับสนุนท่านนายกฯ ด้วยความสุจริตใจ ตราบใดที่ท่านมองถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทยมาก่อนอย่างนี้ต่อไปด้วยความจริงใจ
“ผมขอประกาศในสภาฯ ว่า ผมนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ ผมเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่ทุกๆ พ.ร.บ.หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เราคิดขึ้นมาแล้วนำเสนอเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย ผมก็จะไม่พิจารณา เพราะสำหรับผมและทุกอย่างที่ผมได้ศึกษามา มันมีเรื่องเร่งด่วนที่ด่วนกว่ามหาศาล
ถ้าพวกท่านสงสัยว่าทำไมเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลายที่สุด ผมที่ไม่เคยหิวแสง ไม่เคยต้องการสัมภาษณ์ไม่เคยตอบโต้ กระทั่งที่โดนเข้าใจผิดโดยสังคม ทำไมต้องทำขนาดนี้ ผมอยากขอให้พวกท่านให้เวลาผมสักนิดแล้วตั้งไจฟังข้อมูลต่างๆ ที่ผมได้รวบรวมสะสมมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อพี่น้องชาวไทยทุกคน”
นายไชยชนก กล่าว
จากนั้นเขาก็อภิปรายว่าด้วย “ภัยพิบัติ”ที่เกิดขึ้น
2) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรครีบลนลานเลิ่กลั่ก ออกมาแก้ไขสถานการณ์ทันที ด้วยการใช้คำว่า “เป็นความเห็นส่วนตัว-ผิดคิวไปหน่อย-คราวหลังแจ้งให้หัวหน้าพรรคทราบบ้าง” และตามมาด้วยคำว่า “ได้ขอโทษนายกฯ แล้ว”
3) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปและเนื้อหาบนเฟซบุ๊กเรื่อง “เนวินอ่านเกมขาด เพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา” ความว่า...
การประกาศกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 เพื่อแสดงท่าทีจุดยืนไม่เอากาสิโน ซึ่งเป็นพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ถ้าการเมืองในอดีตที่ผ่านมา การที่พรรคร่วมรัฐบาลหักหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลกลางสภาแบบนี้
มีทางออกอยู่ 2 ทาง คือ
1.ปรับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีความเห็นขัดแย้งกับพรรคแกนนำออกจากรัฐบาลไป
2.ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนจากเหตุผลพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นที่แตกต่าง ขัดแย้งกัน
ส่วนการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตัดออกไปได้เลย
แต่การประกาศท่าทีของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะพรรคการเมืองนั้น บุคคลที่สามารถพูดแทนพรรคได้มีอยู่ 2 คน คือ หัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคเท่านั้น
เมื่อคนระดับเลขาธิการพรรคแสดงจุดยืนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเช่นนี้ ก็เท่ากับการประกาศจุดยืนของพรรคในทันที ซึ่งเกมนี้นายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย อ่านขาดว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา และไม่กล้าปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถ้าหากพรรคเพื่อไทยยุบสภาในตอนนี้ โอกาสแพ้มีสูงมาก คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยยังไม่ฟื้น ผลงานรัฐบาลยังไม่มีเป็นที่ประจักษ์
ในขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทย มีความได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมตั้งแต่การจัดระเบียบอำนาจรัฐของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มทุนสนับสนุน มีเพียงพอ กระแสนิยมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเทให้กับพรรคภูมิใจไทยมากกว่าพรรคการเมืองอื่นในฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ถ้ายุบสภาก็เป็นโอกาสของพรรคภูมิใจไทยที่จะได้อันดับ 1 ในขั้วอนุรักษ์นิยมทันที ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะพรรคเพื่อไทยย่อมรู้ดีว่า เบื้องหลังของพรรคภูมิใจไทย มีอะไรเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กอยู่
ถ้าพรรคเพื่อไทยคิดจะปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลวันใด ก็ให้นับถอยหลังวันยุบสภาทันที พรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมลงสนามเลือกตั้งด้วยประการทั้งปวง และเมื่อการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้วฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะเลือกพรรคภูมิใจไทย มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยจะเลือกพรรคประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยยังหาตลาดคะแนนที่แท้จริงไม่ได้
ถ้าหากยุบสภาตอนนี้ ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง คุณเนวินอ่านเกมขาด นายไชยชนกจึงกล้าฉีกหน้านางสาวแพทองธารกลางสภา
4) หากไม่ดูแค่ “ไชยชนก ชิดชอบ” แต่ดู“ไพ่การเมือง” ใบอื่นๆ ที่ถูกทิ้งลงมาจากมือของ “ภูมิใจไทย” ยังมีไพ่ที่ชื่อ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ด้วย
“ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ...
ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ออกตัวว่า “ไม่คัดค้านกาสิโน” เพราะปกติเป็นคนชอบเล่นอยู่แล้ว แต่ร่างกฎหมายคอมเพล็กซ์มีขั้นตอนที่เร่งรัดเกินไป ยังไม่ตกผลึก ประกอบกับวันนี้สังคมไทยยังมีปัญหามาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน รวมถึงการพนันออนไลน์ที่แพร่หลายอย่างกว้างขวาง
หากจะมี “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์”และกาสิโนเกิดขึ้นจริง ควรมีเพียง 1-2 แห่งเท่านั้น ไม่ใช่เปิดเหมือนให้สัมปทาน
“มันจะขายใบสัมปทานกันหรือเปล่า” ชาดาตั้งคำถาม
กระแสเห็นด้วยและเห็นต่าง “ชาดา” มองเป็นเรื่องของความหลากหลายและการถกเถียง “ไม่ใช่ศัตรูกัน”
ในอดีตแม้เคยเห็นด้วยกับการพนันถูกกฎหมาย แต่ปัจจุบันประเมินแล้วยังไม่ถึงเวลา สังคมไทยยังไม่เข้มแข็งพอ สิ่งที่ควรทำคือ “ประชามติ” รับฟังเสียงประชาชน
“จะทำบ่อน ทำกาสิโน ก็ลุกขึ้นมาทำ มันไม่ใช่ มันต้องศึกษา วิเคราะห์ ต้องมีขั้นตอนพอสมควร ไม่ใช่ปล่อยเละละ แล้วทำอะไรก็ไม่รู้ ผมขอเรียนว่ามันต้องมีระบบ แต่แบบนี้มันไวไป”
“ชาดา” ย้ำว่า “ประชามติ” เป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อเกิดความเห็นแย้งเห็นต่างในสังคม อย่ามองเพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจ พร้อมกับเชื่อว่า “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” จะไม่สำเร็จทันในรัฐบาลนี้
“กว่าจะเกิดขึ้น อีก 6 ปี ฉะนั้นไม่ต้องเครียด ไม่ต้องซีเรียส”
ผู้มีประสบการณ์ด้านการพนันแนะนำว่าหลักการเปิดบ่อน รัฐต้องเข้มแข็ง ไม่ปล่อยให้เกิดการโกง ต้องได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ อย่าเร่งรีบเกินไป ต้องรอบคอบ
“ระบบการทำบ่อนทั่วโลก ต้องมีความชัดเจนจากบริษัทที่เชื่อถือได้ และรัฐต้องเข้มแข็ง ไทยเรายังไวเกินไป” ชาดากล่าว
5) จิ๊กซอว์อีกตัวหนึ่งที่จะมองผ่านไม่ได้ คือนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บิดาของ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคภูมิใจไทย และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.และกรรมการบริหารพรรค ที่ออกมาเคลื่อนไหว หลังมีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขู่จะเขี่ยพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” ออกจากรัฐบาล
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somsak Pris ทันทีว่า...
“#เห็นภาพข่าวนี้แล้ว ใจคอหดหู่ยิ่งนัก 93 ปี ของระบอบประชาธิปไตย มันถอยหลังไปกว่าที่คิด ถ้าเป็นพรรคแกนนำแล้วมีตรรกะแค่นี้ ท่านหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลครับ ผมว่าท่านถอยมาเถอะครับ ไม่ฟังเหตุผล ไม่เคารพไม่ให้เกียรติกันจะอยู่ร่วมกันอย่างไร อยู่ร่วมกัน แล้วสร้างตราบาป และบาดแผลให้ประเทศ ถอยมาเถอะครับท่านหัวหน้าทั้งหลาย”
สรุป : การอ่านสำรับไพ่ในการขยับการหนุนการต้านรัฐบาลเรื่อง “กาสิโน” ของพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ จึงจะมองอย่างผิวเผินและด่วนตัดสินไม่ได้
เพราะ-ชั้นเชิงในการ “ทิ้งไพ่” ของเขา
ไม่เบาเลยทีเดียว !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี