มีข่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะนำคณะไปเจรจาปรับดุลการค้ากับสหรัฐช่วง 19-25 เมษายนนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ
ขึ้นภาษีนำเข้ามหาโหด และไทยก็โดนหางเลขไปด้วย
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย หารือร่วมกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ และภาคเอกชนเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดกรอบเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยระบุ เป้าหมายหลักของการเจรจากับสหรัฐอเมริกาไม่ใช่การ “ต่อรอง”หรือ “เจรจา” แบบได้-เสีย แต่เพื่อหาทางออกร่วมกัน ให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์และลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย
นายพิชัย ว่าจะยึดกรอบการดำเนินการ 5 ข้อที่รัฐบาลกำหนดไว้ โดยยกตัวอย่างการเพิ่มการนำเข้า–ส่งออกสินค้าเพื่อขยายขนาดเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ เช่น ไทยมีจุดแข็ง
ด้านการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง จึงมีแนวคิดนำเข้าข้าวโพดและถั่วเหลืองมาเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากในประเทศผลิตไม่เพียงพอ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะปลูก อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลกโดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดโลกเพียง
3% หากเพิ่มเป็น 6% ใน 5-7 ปี จะช่วยกระตุ้นการผลิตและการส่งออกมหาศาล เป็นการสร้างมูลค่าส่งออกให้สมดุลขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายพิชัยย้ำว่า รัฐบาลยังไม่มีนโยบายเปิดนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐอเมริกา โดยจะเน้นพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตในประเทศให้สามารถลดต้นทุนและยกระดับการแข่งขัน
เพื่อรักษาความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานปศุสัตว์ไทย
สำหรับสินค้าอื่นที่จำเป็นต้องนำเข้า เช่น ก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นความจำเป็นของการพัฒนาภาคการผลิต นอกจากนี้ สายการบินไทยมีแผนซื้อเครื่องบินอยู่แล้ว สามารถจัดซื้อจากสหรัฐอเมริกาได้ โดยจะพิจารณาจัดสรรการนำเข้าจากหลายประเทศในสัดส่วนที่เหมาะสม
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเร่งแก้ปัญหาการสวมถิ่นกำเนิดสินค้าส่งออก ซึ่งเป็นเรื่องที่สหรัฐอเมริกากังวล ไทยจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสินค้าที่ส่งออกเป็นสินค้าจากไทยจริง ตลอดจน
เตรียมชี้แจงและขจัดอุปสรรคทางการค้าอื่นที่ไม่ใช่ภาษีตามที่สหรัฐฯ ร้องขอ
รัฐบาล ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามประสานงานกับสหรัฐฯ เพื่อขอทราบวันนัดหมายโดยเร็วที่สุด โดยนายพิชัยกล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้ก็เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาศักยภาพ และสร้างพันธมิตรทางการค้าในระยะยาวเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า แนวคิดนำเข้าข้าวโพดและถั่วเหลือง จะมีผลตามมาคือเกษตรกรไทยที่ปลูกพืชดังกล่าวได้รับผลกระทบแน่นอน และรัฐบาลควรเตรียมการช่วยเหลือแต่เนิ่น อย่าให้เกษตรกรตายฟรีกับสงครามการค้าในหนนี้
ยังอุ่นใจอยู่บ้างที่ไม่นำเข้าหมูอเมริกาไม่เช่นนั้นผู้เลี้ยงหมูต้องเดือดร้อนมากกว่าเดิม แค่หมูเถื่อนเล็ดลอดตามแนวชายแดนก็ทุบตลาดไทยอยู่แล้ว และคดีหมูเถื่อนที่ทำกันมาตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นตอนไหน ซึ่งรัฐบาลจะไปเจรจาอะไรก็ได้แต่ไม่ควรตัดหัวเกษตรกรไทยไปให้อเมริกาเพื่อแลกกับการปรับดุลทางด้านภาษี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี