การเฉลิมฉลองสงกรานต์ปีนี้ เป็นรอบของนางทุงสะเทวี ซึ่งทรงเครื่องอาภรณ์อันงดงาม ประดับด้วยแก้วปัทมราค ทัดดอกทับทิม ทรงพาหุรัดอันวิจิตร พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาเหนือหลังครุฑในลักษณะไสยาสน์ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงและร่มเย็น และภักษาหารประจำปีนี้ คือ “อุทุมพร” หรือมะเดื่อ ผลไม้มงคลที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์
ปรากฏว่าล่วงเข้าวันที่สามของการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของไทยแต่ก่อนเก่า ได้เกิดอุบัติในช่วงการรณรงค์“7 วันอันตราย” ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2568 แม้ว่านางทุงสะเทวีจะเสวยผลมะเดื่อเป็นภักษาหารก็ตาม แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากมนุษย์เป็นๆ มีจำนวนสะสมไปแล้ว 39 ศพ บาดเจ็บ 752 คน โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 ศพ
สาเหตุหลักในการประสบอุบัติเหตุ จากการแถลงเมื่อตอนสายวันที่ 14 เมษายนเมื่อวานนี้ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นเจ้าภาพลักในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วง 7 วันอันตราย พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วร้อยละ 44.26, ดื่มแล้วขับร้อยละ 29.05 และตัดหน้ากระชั้นชิดร้อยละ 17.91 ทั้งนี้ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.85
หากย้อนกลับไปดูสถิติช่วง 7 วันอันตรายระหว่าง 11-17 เมษยาน เมื่อสองปีก่อน โดยปี 2567 ยอดรวมผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 287 ศพ-บาดเจ็บ 2,060 คน และปี 2566 เสียชีวิต 264 ศพ-บาดเจ็บ 2,208 คน ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีนี้ช่วงสามวันแรก ปรากฏว่าปีนี้ยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยในปีที่แล้วยอดสามวันอันตราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึง 116 ศพ-บาดเจ็บ 968 คน และปี 2566 เสียชีวิต 114 ศพ-บาดเจ็บ 1,064 คน
สงกรานต์ปีนี้ยังเหลืออีก 2 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางไปเฉลิมฉลองในต่างจังหวัด หากใครไม่ประมาทโอกาสรอด คือไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็มีอยู่สูง แต่ถ้าโชคชะตาไม่เข้าข้างก็ต้องถือว่า ชีวิตถูกขีดเส้นเกณฑ์ชะตามาแค่นี้ ขณะที่คนซึ่งโกงบ้านกินเมืองถูกแช่งชักหักกระดูก กลับดวงแข็งยิ่งกว่าเหล็กเส้นที่ผลิตจากโรงงานจีน
อย่างไรก็ตาม สงกรานต์ปีนี้สำหรับบ้านเราที่ใช้ปืนพลาสติกเป็นอาวุธเล่นสาดน้ำกันนั้น เป้าสายตาของสังคมได้โฟกัสจับไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะไม่เพียงแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้ จะควง“มาดามแพทองโพย”ลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ไปเฉลิมฉลองที่เชียงใหม่เท่านั้น บรรดานักการเมืองจากพรรคประชาชนที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ระดับหัวหน้าพรรคทั้งปัจจุบันและอดีตสมัยที่ยังเป็นพรรคก้าวไกล ก็แห่ไปรวมตัวกันที่เชียงใหม่
นักการเมืองพรรคประชาชนและพรรคก้าวไกลดังกล่าวนั้น ไล่เรียงไปก็มี “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ที่รั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “ชัยธวัช ตุลาธน” สองอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรวมไปถึง“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้เป็นนายทุนพรรรคตัวจริงของพรรคก้าวไกลในอดีต และพรรคประชาชนในปัจจุบัน
“ทักษิณ ชินวัตร”ไปกับ“มาดามแพทองโพย” ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะนอกจากจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นบ้านเกิดของทักษิณแล้ว อีกประการหนึ่งทักษิณก็ต้องการยึดพื้นที่ทางการเมืองในจังหวัดนี้ซึ่งมีอยู่ 10 เขตเลือกตั้งและเคยเป็นของพรรคเพื่อไทยกลับคืนมา หลังจากการเลือกตั้ง สส.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกพรรคประชาชนเมื่อครั้งเป็นพรรคก้าวไกลช่วงชิงไปถึง 7 เขต โดยพรรคเพื่อไทยสามารถรักษาพื้นที่ได้เพียงแค่ 2 เขต ส่วนอีกหนึ่งเขตคือเขต 9 เป็นของพรรคพลังประชารัฐ ที่ปัจจุบันนายนเรศ ธำรงทิพยคุณ สส.ในเขตนี้ได้ย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
แต่บรรดาแกนหลักในระดับนำของพรรคประชาชนที่อวตารมาจากพรรคก้าวไกล ทั้งอดีตและปัจจุบัน แห่กันไปรวมตัวที่เชียงใหม่ ช่วงเดียวกับที่“ทักษิณ ชินวัตร”ควงบุตรสาวไปด้วยนั้น มองได้สามประการในระดับพื้นและระดับลึก
ประการแรก จังหวัดเชียงใหม่นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของ“รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” ภรรยาของ“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาและนายทุนพรรคประชาชนแล้ว ในฐานะที่ธนาธรเป็นเขยของจังหวัดนี้ ก็คงไม่ต่างจาก“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นคนจังหวัดนี้โดยกำเนิด ก็ย่อมต้องวนเวียน“ไป-มา”อยู่เป็นประจำ และเมื่อถึงเทศกาลงานสงกรานต์ก็เหมือนกลับไปรวมญาติพี่น้องวงศ์วานว่านเครือในตระกูล พร้อมทั้งชักชวนเพื่อนฝูงและบริษัทบริวารไปเฉลิมฉลองด้วย
ประการถัดมา ช่วงนี้เป็นช่วงหาเสียงการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ที่จะมีการหย่อนบัตรในวันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคมเดือนหน้า พรรคประชาชนได้ส่งนายธีรวุฒิ แก้วฟอง ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ซึ่งเท่ากับว่าใช้โอกาสนี้มาลงพื้นที่หาเสียงช่วยลูกพรรค และเป็นการ“เช็คเรตติ้ง”เพื่อรักษาฐานที่มั่นไว้ด้วย หลังจากที่พลาดหวังการเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครของพรรคประชาชน ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ“สว.ก๊อง”ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย และนอกจากนี้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ พรรคประชาชนยังได้นายก อบจ.ลำพูน เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น จึงเห็นภาพข่าวบรรดาแกนนำของพรรคการเมืองนี้ปรากฏทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนในช่วงสงกรานต์คู่ขนานกันไป
ประการที่สาม แม้ข่าวสารในเชิงลึกจะยังไม่ถูกขุดคุ้ยและตีแผ่ออกมา ความเป็นไปได้ก็มีอยู่สูง ที่จะเกิด“ดีลลับเชียงใหม่” เหมือน“ดีลลับฮ่องกง” ระหว่างเจ้าของสองพรรคการเมือง คือ“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็น“ดีลลับ”ท่ามกลาง“สงครามกาสิโน” ที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย กำลัง“ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”กันอยู่ในเวลานี้
เพราะการเมืองของเมืองไทยนั้น “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” หากพลาดท่าเสียที คนอย่าง“ทักษิณ ชินวัตร”ก็สามารถถีบหัวพรรคภูมิใจไทยออกจากการพรรคร่วมรัฐบาลได้เมื่อนั้น
แล้วดึงพรรคประชนเข้าไปเสียบแทน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี