เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เฉลิมฉลองกันชุมฉ่ำทั้งแผ่นดินทำให้ประชาชนคนไทยลืมความทุกข์ที่เป็นจริงไปชั่วขณะ วันนี้กลับคืนสู่ความเป็นปกติใครที่ออกต่างจังหวัดแล้วพาชีวิตกลับมาได้ ก็เหมือนว่าปีนี้โชคดีไปอีกหนึ่งปีส่วนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บก็ยังอยู่ในหลักร้อยหลักพันเหมือนเดิมเช่นทุกปี กลายเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว
ความเป็นจริงของประเทศนี้มีเรื่องใหญ่อยู่เรื่องเดียวที่ต้องพูดถึงคือการบริหารประเทศของรัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และมี“แพทองธารชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับถูกชี้นำบงการโดยอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรอันเป็นผลทำให้อำนาจการตัดสินใจในทุกเรื่องเกิดความพิกลพิการเพราะนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงแค่“หุ่นเชิด”ของทักษิณเท่านั้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่ออำนาจการตัดสินใจในทุกเรื่องเกิดความพิกลพิการเพราะคนที่กดปุ่มตัดสินไม่ใช่“มาดามแพทองโพย”ที่เป็นนายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง อะไรก็คลุมเครือไปหมดขาดความชัดเจน
และสำคัญที่สุด กลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน แต่กลับต้องฟังเสียงของ“ทักษิณชินวัตร”ผู้เดียวเท่านั้น
จะเห็นได้จากเรื่อง“กาสิโน”ที่พรรคเพื่อไทยโดยแนวคิดของ“ทักษิณชินวัตร”ใช้ร่างกฎหมาย“การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นตัวบังหน้า ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น แม้ประชาชนคนไทยทุกฝ่ายทั้งปราชญ์ ราชบัณฑิต แพทย์นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ และผู้นำทุกศาสนาในประเทศนี้ จะออกมาคัดค้านแต่ทักษิณก็ยังยืนกรานแบบดื้อตาใสไม่ฟังเสียงผู้ใดใครทั้งสิ้นอีกทั้งยังกล่าวหาว่าคนที่ลุกขึ้นมาคัดค้านบิดเบือนข้อเท็จจริง
ดังที่“ทักษิณ ชินวัตร”ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาโดยยืนยันว่าร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ซึ่งรัฐบาลในฐานะผู้เสนอกฎหมายได้ชะลอการพิจารณาไว้ ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองโดยรวม พร้อมทั้งระบุว่า “การไม่เห็นด้วยของคนบางคนที่ใช้คำว่ากาสิโนซึ่งมันไม่ใช่ เพราะกาสิโนเป็นส่วนเล็กๆ ของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่กาสิโนเป็นหลักคนที่มาต่อต้านก็จะพูดแต่กาสิโนอย่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่บิดเบือน”
เวลานี้จึงมีเสียงประสานของนักการเมืองพรรคเพื่อไทย ทั้ง สส.ในสภาฯและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลที่มี“แพทองโพย”เป็นผู้นำ ออกมาสนองรับความคิด“เจ้าของคอก”โดยการสั่งการของ“มาดามแพทองโพย”ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สส.และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทุกคนช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าไม่ใช่“กาสิโน”
ยกมาให้ดูหนึ่งคน คือ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นักการเมืองจากจังหวัดพะเยาในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อสองวันก่อน ดังสองย่อหน้าถัดจากนี้ว่า
“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่แค่กาสิโนเพียงอย่างเดียวในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีกาสิโนอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่คนพยายามพูดถึงแต่กาสิโน แต่ที่เหลืออีก 90เปอร์เซ็นต์ไม่พูด เราไปเอารูปแบบของสิงคโปร์ซึ่งเป็นระดับโลกมา ไม่ใช่บ่อนกระจอกๆมีทั้งโรงแรมระดับหกดาว สวนสนุก และสวนน้ำ เพราะฉะนั้น ก็เหมือนคนไปวัด ไม่ใช่ไปขอหวยกันหมดคนไปไหว้พระขอพรก็มี คนไปเที่ยวเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็จูงลูกหลานไปเที่ยวส่วนอื่น”
“ผมได้กลับไปพื้นที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สอบถามและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คืออะไร ในส่วนของกาสิโนมีเพียง 10เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าได้ ถามว่าสถานะทางการเงิน-หลักทรัพย์คุณมีถึงหรือไม่มีรายได้ปีละเท่าไหร่ ถ้าคุณไม่เสียภาษีก็เข้าไม่ได้ งานนี้เน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวเป็นหลักอยากให้คนที่คัดค้านคิดให้ดี ที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีกาสิโน ถามว่าแล้วใครจะถือเงิน 2แสนล้านเข้ามาลงทุนในประเทศ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สถานที่สร้างรายได้ใหม่ให้เกิดกับประเทศ เกิดการจ้างงานมากถึง 2 หมื่นตำแหน่งผมยังอยากให้มาสร้างที่จังหวัดผมเลย”
พรรคเพื่อไทยโดยนายนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอ้าปากออกมาเหมือนกับที่“นายใหญ่”เจ้าของคอกพูดไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียว ขณะที่กลุ่มแพทย์จุฬาอาวุโสรุ่นที่ 27 นำโดย พล.อ.ต. นพ.ธนา ปุกหุต ประธานรุ่น ซึ่งได้ร่วมกันลงชื่อทั้งหมด 37 คน ออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาลในช่วงก่อนหน้านี้เห็นว่าการซ่อนบ่อนกาสิโนไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ แม้รัฐบาลจะอ้างว่าเป็นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ก็ตามแต่ผลกระทบต่อสังคมจะรุนแรงอย่างไม่อาจประเมินได้
คณะแพทย์จุฬาอาวุโสกลุ่มกลุ่มนี้ระบุว่า “สังคมไทยยังเต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์การบังคับใช้กฎหมายที่หย่อนยาน และการคอร์รัปชันที่ฝังรากลึก การเปิดบ่อนกาสิโนเสรีและการพนันออนไลน์จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาสังคม ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนตกอยู่ในวังวนของการพนัน และนำไปสู่การเพิ่มจำนวนของปัญหาอาชญากรรมยาเสพติด โสเภณี การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และธุรกิจสีเทา”
แถลงการณ์ของคณะแพทย์จุฬาอาวุโส 37 คน ยังชี้ด้วยว่า “เศรษฐกิจจะไม่ได้หมุนเวียนดีขึ้นตามที่อ้างแต่กลับจะล่มจม ประเทศมีแต่จะวิบัติ” พร้อมทั้งยืนยันว่า ในฐานะแพทย์ผู้ผ่านชีวิตการทำงานมานานกว่า 50ปี ได้เห็นปัญหาความทุกข์ยากของคนไทยอย่างลึกซึ้งและมีวิจารณญาณพอที่จะตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดีต่อประเทศ
ความเห็นตามแถลงการณ์ดังกล่าวของแพทย์จุฬาอาวุโส ต้องตรงกับเสียงคัดค้านของ “102 อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)” ที่นำโดย ศ.กิตติคุณ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธาน สปช.และ รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง อดีตรองประธาน สปช. ซึ่งได้ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภาหัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา ก่อนหน้านี้เช่นกัน โดยระบุว่า
“ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาลไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้างดังที่สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ชี้ไว้แล้วว่าการพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP เพราะการโอนย้ายเงินจากผู้เสียพนันไปให้ผู้ได้พนัน ปราศจากการผลิตสินค้าและบริการใดๆเป็นเพียงการย้ายเงินจากมือคนหนึ่งไปสู่มืออีกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทำให้คนเล่นหรือเหยื่อหมดเนื้อหมดตัวมีแต่เจ้ามือและกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ร่ำรวย”
จะอะไรก็ตาม สงกรานต์ปีใหม่ไทยในปีนี้ผ่านไปแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้อยู่ที่ว่าเราจะผ่านกันไปแบบไหนท่ามกลางสถานการณ์ทั้ง“สงครามกาสิโน”ระหว่างประชาชนคนไทยส่วนใหญ่กับรัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และ“สงครามการค้า”ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
ขนาดสิงคโปร์ยังยุบสภาฯไปแล้ว ส่วนเราก็ยังมีคำถามอีกนั่นแหละว่าถ้ามีการยุบสภาฯแล้วจะเลือกพรรคอะไร หรือถ้านายกรัฐมนตรีลาออก-จะให้ใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
วังเวงใจจริงๆ ครับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี