แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn งานทุกอย่าง ยิ่งเป็นงานในระดับชาติ จำเป็นที่ต้องมีโครงการอันแน่นอนสำหรับปฏิบัติดำเนินการ และโดยปรกติโครงการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นนั้น จะต้องอาศัยพื้นฐาน วิธีการ และวิชาการเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ พื้นฐานหมายความถึงวัตถุประสงค์ กำลังทุน กำลังบุคคล พร้อมทั้งเครื่องมือเครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่าง วิธีการนั้น ได้แก่การวางรูปงาน กำหนดระยะดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ให้เกี่ยวโยงต่อเนื่องกัน รวมถึงระเบียบปฏิบัติทั้งในตัวบุคคลทั้งในธุรการทั้งหมด ส่วนวิชาการ ได้แก่ หลักความรู้ที่ถูกต้องแท้จริงในงานนั้นๆ ซึ่งนำมาปฏิบัติส่งเสริมพื้นฐานและวิธีการ ให้ได้ผลที่สมบูรณ์แน่นอน เช่น นำมาปฏิบัติเพื่อให้การใช้วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องจักร และบุคคลมีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือนำมาเป็นหลักการในการกำหนดแนวทางขั้นต้นของงานให้เป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงตรง หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ใช้เป็นหลักเทียบเคียงตัดสินว่าควรจะเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางใด... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 14 กรกฎาคม 2515)
...nn หลังเกิดโศกนาฏกรรมตึกที่ทำการใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถนนกำแพงเพชร พังทลายลงมาภายในพริบตา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 การพังทลาย
ของตึกนี้ ทำให้เกิดสภาพน้ำลดตอผุด มีการสาวเรื่องราวลึกลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้พบความไม่ชอบมาพากลของการก่อสร้างตึกนี้เป็นระลอกๆ ที่ไหลทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก เช่น คำถามว่าใครคุมการก่อสร้างตึกใครอนุมัติแบบก่อสร้าง ใครลงนามจัดจ้าง เหล็ก และซีเมนต์ที่ใช้ก่อสร้างได้มาตรฐานหรือไม่ และก็กรณีปลอมลายเซ็น จนทำให้เกิดคำถามว่ามีการทุจริต
คอร์รัปชั่นตึกนี้ใช่หรือไม่
...nn แล้วก็มีคำถามด้วยว่า ทำไม สตง. ไม่คืนเงินที่เหลือจากการของบประมาณ เมื่อใช้เงินไม่หมด ทำไม สตง. เก็บเงินไว้ได้ แต่ทำไมหน่วยงานราชการอื่นๆ จึงต้องคืนเงินงบประมาณที่ได้รับ แต่ใช้ไม่หมด เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามว่าทำไม สตง. ที่อ้างว่าเป็นหน่วยงานอิสระจึงมีอภิสิทธิ์มากกว่าหน่วยงานราชการอื่นๆ ถามว่าใครให้อภิสิทธิ์กับ สตง. จนล้นเหลือ แล้วก็ต้องถามต่อไปว่า หาก สตง. ได้เอกสิทธิ์เช่นนี้แล้วหน่วยงานอิสระอื่นๆ ที่มีมากมายก่ายกองในประเทศไทยมีเอกสิทธิ์ล้นเหลือแบบ สตง. ด้วยหรือไม่
...nn คำถามสำคัญคือ ทำไมหน่วยงานอิสระทั้งหลายจึงมีเอกสิทธิ์ล้นเหลือ ทั้งๆ ที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล เรื่องนี้มีเสียงเรียกร้องว่าต้องเข้าไปแก้ไขและลดเอกสิทธิ์ของหน่วยงานอิสระลง และมีเสียงเรียกร้องด้วยว่า ไม่ควรมีหน่วยงานรัฐบาลใดอ้างความเป็นอิสระจากการถูกตรวจสอบ เพราะหน่วยงานรัฐทุกหน่วยต้องมีความเสมอภาคกัน
...nn สตง. มีอำนาจไปตรวจการใช้เงินขององค์กร หน่วยงานอื่นๆ ทั่วประเทศ แล้วทำไม สตง. จึงใช้เงินซื้อเก้าอี้ตัวละเป็นแสน ทำไมซื้อฝักบัวอันละเป็นหมื่น ทำไมจึงซื้อพรมผืนละเป็นแสน ทำไมต้องจัดซื้อโทรศัพท์แบบธรรมดาๆ ที่ใช้กันตามบ้านทั่วไป แต่ สตง. จ่ายค่าซื้อโทรศัพท์เครื่องละ 6 พันบาท ทำไมจึงตั้งค่าใช้จ่ายการติดตั้งระบบเสียงในอาคาร สตง. ไว้สูงถึง 20 ล้านบาท และยังมีอีกสารพัดคำถามตามมา แต่เมื่อถามเรื่องเหล่านี้ไปยังผู้บริหาร สตง. ก็ได้รับคำตอบแบบน่าสมเพชว่า เขามีสิทธิ์ซื้อ เพราะผู้บริหารระดับสูงของ สตง. มีสถานะเทียบเท่ารัฐมนตรี และจัดซื้อตามกฎหมาย สรุปคืออ้างกฎหมายตะพึดตะพือ แต่ไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม และไม่เคยคิดถึงเรื่องประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
...nn อันที่จริงยังมีคำถามเรื่อง สรุปว่าใครควบคุมการก่อสร้างตึก สตง. ที่พังถล่มลงมา ทำไมจึงแก้ไขแบบก่อสร้างถึง 9 ครั้ง ทำไมจึงอ้างแบบง่ายๆ ว่ามีการปลอมลายเซ็น แล้วต้องถามว่า การปลอมลายเซ็นที่ว่านั้น ใครเป็นคนปลอม แล้วคนที่ปลอมทำไมจึงย่ามใจ กล้าปลอมลายเซ็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง ยิ่งถามก็ยิ่งมีความสงสัยมากขึ้นเป็นลำดับ แต่เรื่องแบบนี้ สตง. กลับปล่อยปละละเลย จนสุดท้ายเกิดปัญหาตึกถล่ม
...nn คำถามสำคัญที่ สตง. ยังตอบไม่ได้คือ ทำไมจึงเปลี่ยนแบบก่อสร้างตั้งหลายครั้ง ทำไมเปลี่ยนการติดตั้งผนังปล่อยลิฟต์ ทำไมจึงลดผนังรับแรงของอาคาร
...nn พิมล เจริญยิ่ง อายุย่าง 86 ปี ชื่อนี้ถูกระบุว่าเป็นผู้ลงนามในแบบก่อสร้าง แต่พิมลอ้างกับสื่อฯ สองแหล่งต่างกัน โดยบอกว่าตนเองแก่แล้ว ไม่ได้ลงนามใดๆ ขอให้ไปถามบริษัท ไมน ฮาร์ท แต่เมื่อพิมลตอบคำถามกับอีกสื่อฯ คือ ผมมีใบอนุญาต หากผมจะเซ็นชื่อในแบบก่อสร้าง ผมก็เซ็นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย สรุปคือ พิมลเซ็นชื่อหรือไม่...nn ส่วนสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้อ้างว่าถูกปลอมลายเซ็นลงนามในแบบก่อสร้างก็ทำให้เกิดคำถามว่าใครปลอมลายเซ็นสมเกียรติแต่ทว่ามีผู้เห็นว่ามีลายเซ็นของสมเกียรติเป็นผู้เซ็นชื่อในแบบก่อสร้างที่ถูกแก้ไข แล้วก็มีคำถามตามมาว่าทำไมสมเกียรติไม่พูดเรื่องนี้กับสังคมให้ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าสมเกียรติถูกปลอมลายเซ็นจริงไหม ใครปลอม
...nn หลังจากอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหน้าแตกไปแล้ว หลังออกมาบอกว่าต้องทำความจริงเรื่องตึก สตง. ถล่ม ให้ปรากฏภายในหนึ่งสัปดาห์ มาบัดนี้ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ดูเหมือนพยายามจะสร้างคะแนนนิยมให้ตนเองด้วยการประกาศว่า ต้องทำความจริงเรื่องลายเซ็นปลอมของวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างตึก สตง. ให้ปรากฏใน 2 สัปดาห์ มารอดูกันก็แล้วกันว่าทวีจะทำได้จริงหรือจะหน้าแตกเหมือนอนุทิน ส่วน แพทองธาร ไม่พูดถึงเรื่องตึก สตง. ถล่มอีกต่อไป
...nn ธรรมกร ขอมองโลกในแง่ร้ายอีกสักครั้งเถอะ เพราะเชื่อโดยใจส่วนลึกว่าสุดท้ายแล้วโศกนาฏกรรมตึก สตง. ถล่มในครั้งนี้ จะไม่มีทางได้คำตอบชัดๆ ให้กับสังคมไทยหรือสังคมโลกเป็นอันขาด แล้วยิ่งประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีอ่อนโลก อ่อนประสบการณ์ และไร้ประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินด้วยแล้ว ก็ขอบอกเลยว่า ไม่มีหวังที่สังคมไทยจะได้คำตอบแท้จริงจากโศกนาฏกรรมนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ไม่ต้องดูอะไรมาก ดูจากแค่เรื่องหมูเถื่อนก็พอแล้ว เรื่องนี้ถูกจุดพลุ โดย เศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบชัดๆ จากรัฐบาล อย่าลืมว่า แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในสมัยที่เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกของเพื่อไทยมาบัดนี้แพทองธารก็ขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกต่อจากเศรษฐา ก็ยังไม่สามารถทำความจริงเรื่องหมูเถื่อนให้ใสกระจ่างได้ แล้วจะไปหวังอะไรกับเรื่องตึก สตง. ถล่ม เพราะมันมีตอใหญ่มหึมายิ่งกว่าเรื่องหมูเถื่อน
...nn ปิดท้ายด้วยเรื่องที่หลายคนถามกันเสียงดังขรมไปทั้งแผ่นดินไทยว่า ทำไม สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจึงไม่แวะไทย ทั้งๆ ที่ สี ไปมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ตั้งหลายวัน แล้วมาเลเซียกับกัมพูชาก็อยู่ติดกับไทย แต่เหตุไฉน สี มองข้ามหัวไทย ไม่คิดแม้แต่จะเข้ามาไทยทั้งที่ปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีนยุคใหม่ มีเสียงตอบจากคนที่ติดตามการเมืองไทยบอกว่า เหตุที่ สี ไม่แวะไทย เพราะไม่ต้องการเสียเวลาพบกับ แพทองธาร เนื่องจากพบไปก็เปล่าประโยชน์ สู้เอาเวลาไปคุยกับฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา หรือคุยกับอันวาร์อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย รวมถึง โต เลิม ประธานาธิบดีเวียดนาม จะได้ประโยชน์มากกว่า...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี