เมื่อวันที่ 17 เมษายนเมื่อวานนี้ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ทันทีที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน บินจากมาเลเซียต่อไปยังกัมพูชาในวันเดียวกันนั้น หลังจากเยือนมาเลเซียสองวัน
การเคลื่อนไหวของผู้นำประเทศในภูมิภาคนี้ โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นแกนหลัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ก่อ“สงครามการค้า”กับจีนจากมาตรการ“กำแพงภาษี” ซึ่งส่งผลกระทบกับประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคโดยถ้วนทั่วนั้น จึงทำให้ประเทศในอาเซียนต้องขยับตามไปด้วย
จึงไม่แปลกที่“อันวาร์ อิบราฮิม”ในฐานะประธานอาเซียน ต้องรีบบินมาไทยทันที หลังจากส่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นเครื่องบินต่อไปกัมพูชา เพราะย่อมแน่นอนว่า การหารือระหว่างผู้นำจีนกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนโดยตำแหน่ง จะต้องนำมาถ่ายทอดต่อให้ประเทศไทยรับทราบ เนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน
ด้วยเหตุดังกล่าว ถ้าหากโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินของไทยไม่พิกลพิการ แบบมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นหุ่นเชิดของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เชื่อว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คงต้องมีประเทศไทยอยู่ในตารางการเยือนประเทศอาเซียนครั้งนี้ แทนที่จะมีแค่เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา
เพราะถ้าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาเยือนไทย แล้วนั่งโต๊ะเปิดประชุมเจรจากับ“มาดามแพทองโพย”ก็ไม่ใช่เรื่อง และจะไม่ได้อะไรเลย เนื่องจาก“แพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ไม่มีอำนาจที่แท้จริง และก็ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่มีศักยภาพ ดังที่“YGL”คัดเลือกให้เป็น 1 ใน 114 คน ซึ่งเป็นผู้นำที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่มีบทบาทสร้างการเปลี่ยนแปลง
แต่คนที่มีอำนาจแท้จริงและสามารถกดปุ่มตัดสินใจได้ทุกเรื่อง คือ “ทักษิณ ชินวัตร” บุคคลที่ทั้งครอบครองและครอบงำนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ หากผู้นำจีนจะมาเยือนไทย ก็มีแต่ต้องนั่งโต๊ะเปิดประชุมเจรจากับทักษิณเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงไม่อยู่ในตารางการเยือนของผู้นำจีน
สำคัญที่สุดก็คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วัย 71 ปี ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจีนและปกครองพลเมืองจีนกว่า 1,400 ล้านคนจนถึงบัดนี้เป็นเวลา 12 ปีนั้น กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นประธานาธิบดีของจีนได้ ต้องผ่านการหล่อหลอมอย่างหนักจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะเดินทางไปไหนมาไหนย่อมต้องโอ่อ่าและเปิดเผย อีกทั้งเวลานี้ทุกย่างก้าวของประธานาธิบดีสีล้วนอยู่ในสายตาของคนทั้งโลก
ถามว่าถ้าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาไทย แล้วมานั่งโต๊ะเปิดประชุมเจรจากับอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร จะคุยกันในฐานะอะไร เพราะทักษิณไม่มีอำนาจใดๆ ในทางกฎหมาย หรือไม่ถ้าจะคุยกัน ก็ต้องคุยแบบลับๆ ล่อๆ เหมือนที่ทักษิณเคยไปพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียบนเรือยอร์ซกลางทะเล ใกล้กับเกาะลังกาวี ของมาเลเซีย เมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
หากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้องมานั่งคุยกับ“ทักษิณ ชินวัตร”แบบลับๆ ล่อๆ ดังที่ว่านั้น ชื่อเสียงก็มีแต่จะเสียหาย และคนที่ได้เต็มๆ ก็คือทักษิณ สามารถเอาไปแอบอ้างตีกิน นอกจากนั้นผู้นำจีนที่มีเกียรติประวัติก็จะกลายเป็น“บ่อทอง”ให้ทักษิณชุบตัว เพื่อให้นักการเมืองในคอกที่เป็นทาสบริวารไปตีปี๊บขยายความต่อ
เพราะขนาดว่า แค่“ทักษิณ ชินวัตร”ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา“อันวาร์ อิบราฮิม” ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน บรรดานักการเมืองลูกพรรคในคอก แม้แต่“ภูมิธรรม เวชยชัย”ก็ยังออกมาส่งเสียง ป่าวประกาศโฆษณาชวนเชื่อกับชาวบ้านว่า “นายใหญ่”ของตนเป็นบุคคลสำคัญในระดับโลก และไม่เพียงแต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเท่านั้นที่เชิญไปเป็นที่ปรึกษา แต่ทักษิณยังเป็นที่ปรึกษาของผู้นำอีกหลายประเทศด้วย
เรื่องตีกินทำนองนี้ ทั้ง“ทักษิณ ชินวัตร” และบรรดานักการเมืองข้าทาสบริการในคอกเพื่อไทยถนัดนัก ซึ่งล่าสุดนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เดินทางมาไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำ“BIMSTEC” ระหว่างวันที่ 2-4 เมษายนที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพการพบปะหารือระหว่างทักษิณ กับนายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยมีธงชาติไทย กับธงชาติอินเดีย ประดับฉาก ทั้งที่ทักษิณเป็นแค่บิดาของนายกรัฐมนตรีของไทย และเป็นอดีตนักโทษคดีทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาเยือนไทยของ“อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในครั้งนี้ พร้อมกับสวมหมวกประธานอาเซียนด้วยนั้น ก็แค่“คนเดินสาส์น”มาแจ้งให้รัฐบาลไทยและ“ทักษิณ ชินวัตร”ทราบว่า ในฐานะประธานอาเชียนได้มีข้อหารือและข้อตกลงอะไรบ้างกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
แล้วการพบกันระหว่าง“อันวาร์ อิบราฮิม” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” และ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่โรงแรมโรสวูด ก็เป็นไปตามบทที่วางไว้ ในฐานะที่ทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเชียน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี