ในระดับ “ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี” นั้น ไม่ง่ายในการทัดทานเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องการจะทำ เต็มที่ก็คือ ส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดูให้รอบคอบก่อน ซึ่งขั้นตอนพวกนี้ “ร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน” หรือ “กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” มันผ่านมาแล้ว
ดังนั้น ที่มีคนกระทบกระเทียบ แซะ ด่า ทั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้กระทั่ง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องของคนไม่เข้าใจจังหวะและขั้นตอนทางการเมือง
เพราะในที่สุด การออกกฎหมายทุกฉบับ ต้องผ่านขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร ขั้นตอนของวุฒิสภา บางฉบับยังต้องไปผ่าน “ประชามติ” ของประชาชนอีก คน-เมื่อยืนกันอยู่คนละจุด ทำกันคนละหน้าที่ อยู่กันคนละสถานการณ์ ต้อง “อ่าน” กันให้ออก และ “ทำความเข้าใจ” กันให้ได้
1) เมื่อร่างกฎหมายนี้ผ่านที่ประชุม ครม. ซึ่งผ่านได้แค่ในเชิง “หลักการ” กับวิธีการคร่าวๆ เรียกง่ายๆ ว่า “ขึ้นโครง” เอาไว้ งานใหญ่อยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะในชั้นกรรมาธิการ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยุครัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผุดผ่อง สวยงามในเชิงหลักการ ตั้งแต่ชั้น ครม. และวาระที่หนึ่ง “รับหลักการ” ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็มาถูก“แปลงสาร” ในชั้นกรรมาธิการ จนเผย “สันดาน” และ “ความต้องการ” อันผิดหลัก “นิติรัฐ-นิติธรรม” ของพรรคแกนนำ เมื่อถึงจุดนั้นเอง ที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องแสดง “จุดยืน” ให้ชัดเจน
2) ว่าด้วยเรื่อง “กฎหมายกาสิโน” นี้ ไม่มี “หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล” คนไหนพูดชัดเลย ว่า จะเอายังไง แล้วไฉนบาปเคราะห์ ต้องไปกัดไปเซาะอยู่กับ “พีระพันธุ์-เฉลิมชัย” ด้วยเล่า แม้แต่พรรคห้าวๆ อย่างภูมิใจไทย ยังใช้วิธีให้ “คนเจนวาย” อย่างนายไชยชนก ชิดชอบ ลุกขึ้นประกาศไม่โหวต เพราะ“จัดลำดับความเร่งด่วนของปัญหาบ้านเมืองผิด” ไปฟังกันให้ชัดๆ นะครับ เขาไม่ได้พูดว่าจะไม่โหวตตลอดชีวิต แต่เขาย้ำว่า เวลานั้น ปัญหาบ้านเมือง ปัญหาประชาชน
ที่เร่งด่วนกว่า มีหลายเรื่อง ที่ไม่ใช่เรื่อง “กาสิโน” และสุดท้ายรัฐบาลก็ส่งสัญญาณเลื่อนกฎหมายกาสิโน แล้วสภาก็เอาวาระอื่นขึ้นพิจารณาก่อน ทั้งภัยพิบัติแผ่นดินไหว และมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา
3) การลุกขึ้นประกาศวันนั้นของไชยชนก คือ การ “ปักหมุด” ลงไปในหัวใจของคนคัดค้านกาสิโน ไชยชนกกลายเป็นนักการเมืองเจนวายที่ประกายแวววาวขึ้นมาทันที พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเพิ่มไปในทันที ในเวลาที่พีระพันธุ์ยังคงจำกัดการแสดงความคิดเห็น ส่วน เฉลิมชัย บอกว่า เมื่อถึงเวลาจะประกาศให้ทราบ
4) ภูมิใจไทย มีอำนาจต่อรองและของใช้มากกว่ารวมไทยสร้างชาติและประชาธิปัตย์ เขาเดินเกมบน “กระดานการเมือง” ได้พลิ้วกว่า ทันทีที่ไชยชนกประกาศ อนุทินก็เล่นบทตกใจ แปลกใจ “ปุ๊ย ผิดคิว” รีบไลน์ไปขอโทษนายกฯ แต่ไชยชนกไม่เคยขอโทษ ไม่เคยบอกว่าพูดผิด พวกกี้กี้พรรคเพื่อไทยก็หยุดเห่าหอนทันที เมื่อระดับเลขาธิการพรรคอย่าง นายสรวงศ์ เทียนทอง ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อขอโทษกันแล้วก็จบกัน ย้ำ! คนขอโทษคืออนุทิน แต่ไชยชนกนั้น ยืนตระหง่านอยู่บน “อนุสาวรีย์หัวใจ” ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พีระพันธุ์ถูกทำให้เป็นบุรุษคลุมเครือ และเฉลิมชัยยังถูกนิยามว่า “แทงกั๊ก” ไปเรื่อยๆ
5) ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ นักวิชาการอาวุโสมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้สัมภาษณ์ประเด็นร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโน หรือกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เมื่อเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏว่า นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาว่า ไม่เอากาสิโน จะไปต่อกันอย่างไร
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ตนได้ออกมาเตือนตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันจักรี ว่า ถ้ารัฐบาลไม่ถอยในเรื่องนี้ รัฐบาลจะล้มและพัง และก็ได้ตอกย้ำด้วยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านไอเอฟดีโพลอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายน ที่ผลโพลล์ออก มาชัดเจนว่าคนไทยไม่เอากาสิโน ประกอบคำอธิบายจากแนวคิดมวลชน6 ภาคีใหญ่ โดยเฉพาะภาคีวิชาการ เช่น กลุ่มราชบัณฑิตยสถาน กลุ่มศาสนาต่างๆ ไม่เอากาสิโน และจะเป็น การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ถ้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน เพราะถ้ามีการผลักดันเข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 9 เมษายน รัฐบาลจะล้มแน่นอน และก็เห็นอาการพรรคภูมิใจไทย จับกระแสได้ทัน ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายไชยชนก ประกาศชัดเจนว่าไม่เอากาสิโน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีอาการใดๆ แต่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นยัง 2 แคม ยังดูกระแสก่อน เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการแตกกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล หากผลักดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนมั่นใจว่า รัฐบาลล้มแน่นอน ซึ่งตนได้เตือนด้วยความหวังดี โดยแนะนำให้ยุติและถอยเรื่องนี้
โดยศ.ดร.เกรียงศักดิ์ มองว่า การที่เลขาฯ พรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศไม่เอากาสิโนแบบนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะกำลังหาคะแนนเพื่อการเลือกตั้งรอบต่อไป ต้องการเป็นหัวหน้าแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในรอบหน้า ปี 2570 ซึ่งการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาพูดว่า เป็นการผิดคิวที่นายไชยชนกประกาศไม่เอากาสิโน ซึ่งไม่ใช่การผิดคิวอย่างแน่นอน แต่เป็นการแบ่งบทกันเล่นละคร เพราะนายไชยชนก เป็นถึงลูกชายคนโตผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือว่าเล่นบทลุย และนายอนุทิน เล่นบทลูบ พรรคภูมิใจไทยจึงมีทั้งตัวลูบและตัวลุย ซึ่งกำลังเล่นละครอยู่
ส่วนจะมีการนำเข้าพิจารณาในสภาทันทีที่เปิดสมัยประชุมหรือไม่นั้น ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เห็นชัดว่าดีลนี้ลุกลี้ลุกลน อาจจะมีดีลลับอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังอาจมีการตกลงกันมาแล้ว หรืออาจจะมีการรับของมัดจำบางระดับไว้แล้วหรือไม่ จึงทำให้ยังถอยไม่ได้ ถ้าเกิดถอยเต็มสูบก็อาจจะถูกทวงมัดจำ ถ้ามีการมัดจำจริงๆ หากผลักดันกันสุดซอยก็จะมีปัญหาอย่างแน่นอน เป็นลักษณะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากดันต่อก็มีเรื่อง ซึ่งตอนนี้รัฐบาลอาจจะกำลังชั่งน้ำหนักดูอยู่ แต่ก็ต้องพยายามลากไปให้ไกลที่สุดก่อน หากไปไม่ไหวแล้ว อาจจะทิ้งทวน หากประคับประคองรัฐบาลไปไม่ไหวคงจะต้องยุบสภา ซึ่งยังมีความพยายามจะอยู่จนครบสมัย แต่ตนมองแล้วว่าโอกาสไปถึงสุดครบสมัยนั้นยากมาก หากไปไม่ไหวอาจยุบสภาปลายปีนี้ แต่ถ้าหากประคับประคองยังไปกันได้ตามธรรมชาติ คาดว่าจะยุบสภาปีหน้า
“ร่างกฎหมายกาสิโน รัฐบาลพยายามที่จะให้เกิด แต่โอกาสเกิดแทบไม่มี ไม่พยายามไม่ได้เพราะจะเสียรังวัดทางการเมือง เพราะมีทั้งฝ่ายที่มัดจำไว้แล้วแม้ในใจรู้อยู่แล้วว่าเกิดยาก แต่จำเป็นต้องเล่นละครให้สมบูรณ์เหมือนจะตั้งใจให้คลอดออกมาจริง ต้องดันให้สุด”
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ยังวิเคราะห์ด้วยว่า หากสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างนี้ หลังสงกรานต์นี้รัฐบาลมีพยายามปรับ ครม.คาดว่าจะปรับไม่ใหญ่แต่อยู่ในระดับกลางซึ่งมีการต่อรองกันอยู่ เพราะพรรคภูมิใจไทยมีแรงต่อรองมหาศาล ไม่กล้าหักหาญน้ำใจกัน จึงพยายามมีการทวงคืนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน มีการพยายามแลกเปลี่ยนตัวกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ น่าจะมีการขยับ เมื่อปรับครม.ไปแล้ว ในพรรคร่วมรัฐบาลยังพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง อาจจะมีการยุบสภาได้ถ้าหมดทางเลือก ซึ่งเพื่อไทยและภูมิใจไทยไม่อยากยุบสภาเพราะทั้งคู่ยังไม่พร้อมไปสู่การเลือกตั้งเพราะหากยุบสภาเพื่อไทยเสียรังวัดคะแนนไม่ได้เนื่องจากนโยบายที่สัญญาตอนหาเสียงไว้ยังทำไม่ได้ และภูมิใจไทยยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย มีโอกาสขึ้นเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลแต่ไม่ง่ายเพราะคะแนนเสียงในเมืองยังไม่ได้
“โอกาสยุบสภาอาจมีปลายปีนี้ แต่หากปล่อยไปตามธรรมชาติแบบนี้ คาดว่าจะยุบสภาปีหน้า แต่ถ้าหากเศรษฐกิจโลกซ้ำเติม ส่งผลกระทบอย่างหนักและทำให้คนเดือดร้อน หนี้สาธารณะชนเพดาน หนี้ครัวเรือน และรัฐบาลไม่มีเงินแจกประชาชนที่กำลังเดือดร้อนหนัก เมื่อผู้คนไม่พอใจอาจจะลงถนนเมื่อคนเดือดร้อนจริงๆ ม็อบจะจุดติด และอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนอกระบบที่ไม่ใช่การเลือกตั้ง และมีโอกาสมากเมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ อีกทางหนึ่ง อาจเกิดจริยนิติสงคราม ที่ใช้ข้อกฎหมายอย่างถูกต้องมาต่อสู้เอาชนะกัน และหากไม่มีทางออกในระบบ จะมีพรรคใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เป็นแบบผสมผสานธำรงนิยม แต่หากไม่มีพรรคใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือกการเมืองของไทยจะวนลูปอยู่ที่เดิมและถอยตกต่ำกว่าเดิม” ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าว
6) ครับ, ไชยชนก มาถูกจังหวะ และเป็นจังหวะที่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่ถูกออกแบบ ถูกวางเกมไว้แล้วทั้งหมด เป็นจังหวะที่ถูกต้อง สวยงาม เกริกเกียรติมาก เป็นความ “เหนือชั้น” ของพรรคภูมิใจไทยในเกมนี้และนอกจากไชยชนก ชิดชอบ แล้ว สายสัมพันธ์อันดี “สีน้ำเงิน” ของภูมิใจไทย ยังฝังอยู่ในหมู่ “สมาชิกวุฒิสภา” อีกเป็นจำนวนมาก และปรากฏชัดเจนว่า ในหมู่สมาชิกวุฒิสภา ไม่ว่าจะ “น้ำเงิน” หรือ “ไม่น้ำเงิน” แสดงตนชัดเจนกันมากว่า “ไม่เอากาสิโน”
7) นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว.ในฐานะผู้เสนอญัตติขอให้ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภาเปิดเผยว่า กมธ.วิสามัญฯ จะนัดประชุมนัดแรกในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เพื่อเลือกประธานและตำแหน่งต่างๆ โดยจะต้องศึกษาให้รอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความคุ้มค่า รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังกฎหมายผ่านในระยะยาว ซึ่งจะต้องนำผลการศึกษาของ สส. มาดูด้วย แต่ไม่คิดว่าผลศึกษาของ สส.จะรอบด้าน ตนมองว่าเป็นการศึกษาเพื่อมาสนับสนุนกฎหมายของตัวเองดังนั้น สว.จึงต้องศึกษาซ้ำ เพื่อเอาคำตอบให้สังคมไม่ถือว่าเป็นการทำงานซ้ำซ้อน ซึ่งกรอบเวลา 180 วัน สามารถขอขยายเพิ่มเติมได้
“หาก สส.จะนำร่างที่เสนอกลับมาพิจารณาในที่ประชุม คงจะต้องรอผลการศึกษาของ สว.ให้ได้ข้อสรุปออกมาก่อน แล้วค่อยนำเข้ามาพิจารณาในสภา และหาก สส.เร่งพิจารณาโดยไม่รอ สว.ผมเชื่อว่า สว. คงไม่เห็นชอบและเห็นว่าในพรรคร่วมรัฐบาลควรต้องคุยกันให้ได้ข้อสรุปก่อน เพราะหากยังเห็นไม่ตรงกันก็เชื่อว่าไม่ผ่าน ผมยังมองไม่ออกว่าจะออกมาอย่างไร ตอนนี้คงคุยต่อรองกันอยู่”นายสรชาติ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าจะเป็นรอยร้าวในรัฐบาลหรือไม่ นายสรชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้วิเคราะห์กันได้ แต่ สว. คงไม่ก้าวก่าย ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลคุยกันเอง เพราะ สว.มีหน้าที่ในการกลั่นกรองและศึกษาผลกระทบ หากผลออกมาแล้วก็อยู่ที่รัฐบาลตัดสินใจ ตนคิดว่าประชาชนรอฟังอยู่
“ถ้าเร่งเอาเข้าสภา สว.คงไม่เอาแน่ ต้องรอผลการศึกษาก่อน นอกจากเขาเอาร่างใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นร่างที่คุยกันและมีการปรับแก้ ถ้าไม่แก้ สว.ไม่ให้ผ่านแน่ๆ” นายสรชาติ กล่าว
8) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่มีจุดยืน “ไม่เอากาสิโน” อย่างชัดเจน ได้เคยกล่าวว่า
“อยากให้ประชาชนแสดงจุดยืนให้รัฐบาลเห็นว่าไม่ต้องการกาสิโนในประเทศไทย โดยสงบและถูกกฎหมาย และอยากให้ประชาชนไปหา สส.ในจังหวัดตัวเอง เพื่อให้ สส.แสดงจุดยืน ว่า เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการมีกาสิโน ไปย้ำจุดยืนของเรากับ สส. แล้วถ้าเขาไม่เชื่อ ประชาชนก็จำไว้ว่าผู้แทนฯจะเอากาสิโนเข้าประเทศไทย จากนั้นเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะได้ใช้สติปัญญาคิดวิเคราะห์อีกครั้งว่าจะเลือกสส.รายนี้หรือไม่
สรุป : เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องยาว กระแส “ไม่เอากาสิโน” ปลุกง่ายและโต้แย้งง่ายกว่า “เอากาสิโน” เพราะรัฐบาลเร่งรีบผลักดัน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีรายงานการศึกษาที่รอบคอบและคุ้มค่ามาแสดง ขณะที่เกียรติประวัติเรื่องการ “หาประโยชน์” ของตระกูล “ชินวัตร” ก็ยังเป็นที่หวาดระแวงของประชาชนคนไทย เรื่องกาสิโนนี้ จึงไม่น่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี