สรุปความหมายของนิพพานตามทัศนะของผู้นำทางพุทธ
1. พระพุทธเจ้า
2. พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ
2.1 ท่านพุทธทาส
2.2 พระธรรมปิฎก ประยุทธ์ ปยุตฺโต
2.3 หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโม
2.4 พระติช นัท ฮันห์
2.5 ท่านดาไลลามะ
l 1. พระพุทธเจ้า :
ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
นิพพาน คือ ภาวะที่ดับสิ้นซึ่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน และความทุกข์ทั้งปวง เป็นความหลุดพ้น จากสังสารวัฏ(วงจรแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย) อย่างสิ้นเชิง
ลักษณะสำคัญ :
วิราคะ (Viraga) : ความสิ้นไปแห่งราคะ (ความกำหนัดยินดี)
นิโรธะ (Nirodha) : ความดับไปแห่งทุกข์และเหตุแห่งทุกข์
โมกขะ (Mokkha) : ความหลุดพ้น
สันติ (Santi) : ความสงบ
อมตธาตุ (Amata Dhatu) : ธาตุที่ไม่ตาย ไม่ใช่สภาวะของการ “สูญ” : นิพพานไม่ใช่การขาดสูญหรือการดับไปของอัตตา (ตัวตน) เพราะโดยพื้นฐานแล้วในพระพุทธศาสนาไม่มี “อัตตา” ที่แท้จริงอยู่แล้ว
แต่เป็นการดับไปของทัศนคติผิดๆ เกี่ยวกับ“ตัวตน” และ “ความเป็นของเรา”
สภาวะที่อธิบายได้ยากด้วยภาษาทางโลก : นิพพานเป็นสภาวะที่เหนือกว่าการรับรู้ทางผัสสะและภาษาทางโลก การอธิบายจึงเป็นไปได้เพียงโดยการเปรียบเทียบหรือการกล่าวถึงสิ่งที่นิพพาน ไม่ใช่ มากกว่าที่จะอธิบายสิ่งที่นิพพาน เป็น
2.พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ :
2.1 ท่านพุทธทาส : ท่านพุทธทาสอธิบายนิพพานในลักษณะที่ เข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นไปที่ ความดับทุกข์ ในขณะปัจจุบัน
นิพพานชั่วคราว : การดับ ความเร่าร้อน ความกระวนกระวายใจ ความเห็นแก่ตัว ที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะจิต
เมื่อจิตไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลส
นิพพานสมบูรณ์ :
การดับกิเลสและอุปาทานได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ไม่มีการเกิดใหม่อีก
เน้นการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ : ท่านเน้นว่าการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าคือหนทางไปสู่นิพพาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญสติและปัญญา เพื่อละวางความยึดมั่นถือมั่น
2.2 พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) : พระธรรมปิฎกอธิบายนิพพานอย่างละเอียดลึกซึ้งตามหลักพระไตรปิฎก โดยเน้นว่าเป็น จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม
ภาวะที่ดับกิเลสและทุกข์อย่างสิ้นเชิง : สอดคล้องกับคำอธิบายในพระไตรปิฎก ว่านิพพานคือความสิ้นไปของราคะ โทสะ โมหะ และการหลุดพ้นจากวงจรแห่งทุกข์
สภาวะที่เหนือโลก : นิพพานไม่ใช่สภาวะที่อยู่ในโลกแห่งการปรุงแต่ง (สังขตธรรม) แต่เป็นสภาวะที่พ้นจากโลก (วิสังขตธรรม)
ความสำคัญของการปฏิบัติ : ท่านเน้นว่าการบรรลุนิพพานต้องอาศัยการปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
2.3 หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช : หลวงพ่อปราโมทย์เน้นการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน เป็นหนทางหลักในการเข้าถึงนิพพาน โดยอธิบายนิพพานในบริบทของการ เห็นความจริงของกายและใจ
การดับความปรุงแต่งของจิต : เมื่อเจริญวิปัสสนาจนเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตนของสังขาร (กายและใจ) จิตจะค่อยๆ คลายความยึดมั่นถือมั่น และเข้าสู่ภาวะที่สงบจากการปรุงแต่ง
การสิ้นไปของกิเลสอย่างเป็นลำดับ : ท่านอธิบายถึงการบรรลุธรรมเป็นขั้นเป็นตอน (โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์) ซึ่งเป็นการดับกิเลสไปทีละน้อย
จนกระทั่งถึงการดับกิเลสได้อย่างสิ้นเชิงในอรหัตตผล อันเป็นประตูไปสู่นิพพาน
นิพพานคือความสุขที่แท้จริง : ท่านชี้ให้เห็นว่าเมื่อจิตหลุดพ้นจากกิเลส จะพบกับความสุขที่แท้จริง ซึ่งเป็นความสงบภายในที่ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก
2.4 พระติช นัท ฮันห์ : พระติช นัท ฮันห์ อธิบายนิพพานในบริบทของ การตระหนักรู้ถึงความไม่เที่ยงและความเชื่อมโยงกันของสรรพสิ่ง
ความว่าง (Sunyata) : ท่านเน้นแนวคิดเรื่องความว่างซึ่งหมายถึงความไม่มีอยู่โดยตัวของตัวเองอย่างแท้จริงของทุกสิ่ง ทุกสิ่งล้วนอาศัยปัจจัยอื่นในการดำรงอยู่
การดับความยึดมั่นในอัตตา : เมื่อเข้าใจถึงความว่างและความไม่เที่ยง จะละวางความยึดมั่นใน “ตัวตน” และความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นรากเหง้าของความทุกข์
นิพพานคืออิสรภาพและความสงบในขณะปัจจุบัน : ท่านสอนว่าเราสามารถสัมผัสนิพพานได้ในชีวิตประจำวัน ผ่านการเจริญสติและการอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างลึกซึ้ง
2.5 ท่านดาไล ลามะ : ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวพุทธนิกายวัชรยาน ท่านดาไลลามะ อธิบายนิพพาน ในบริบทของการขจัดความเศร้าหมองทางจิตใจอย่างถาวร และการบรรลุซึ่งปัญญาและกรุณาอย่างสมบูรณ์
การดับกิเลสและอกุศลกรรม : นิพพานคือการปลดปล่อยจิตใจจากกิเลสทั้งหลาย เช่น ความโกรธความโลภ ความหลง และผลกรรมที่ไม่ดี
การพัฒนาคุณธรรมภายใน : ควบคู่ไปกับการดับกิเลส คือการพัฒนาคุณธรรม เช่น ความรักความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และปัญญาญาณ
เป้าหมายของการปฏิบัติ : นิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน ซึ่งนำไปสู่การบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
สรุป :
แม้ว่าแต่ละท่านจะมีวิธีการอธิบายและเน้นย้ำในแง่มุมที่แตกต่างกันไปบ้าง
ตามบริบทของแนวทางการปฏิบัติและประสบการณ์ส่วนตัว
แต่โดยพื้นฐานแล้ว ความหมายของนิพพานในพระพุทธศาสนาโดยรวมยังคงสอดคล้องกัน นั่นคือการดับสิ้นซึ่งกิเลสและความทุกข์ทั้งปวง และการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ เป็นสภาวะแห่งความสงบ สันติ และอิสรภาพที่แท้จริง ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา
ข้อสรุปแบบง่ายกะทัดรัด ชาวบ้านจะเข้าถึงนิพพาน ได้อย่างไร เป็นขั้นตอน
สรุปง่ายๆ ให้ชาวบ้านเข้าถึงนิพพานได้เป็นขั้นตอน ดังนี้
หัวใจสำคัญ : นิพพานคือความสุขสงบที่แท้จริงเกิดจากการดับความทุกข์ในใจเรา
ขั้นตอนง่ายๆ
สู่ความสงบ :
รู้สึกตัวบ่อยๆ : ฝึกรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ในชีวิตประจำวัน เช่น กินข้าว เดิน ยืน นั่ง ทำงาน (เหมือนมี “ผู้สังเกตการณ์” ในใจ)
ทำใจให้สงบบ้าง :
หาเวลาสงบๆ สักพัก อาจจะนั่งเงียบๆ หายใจเข้า-ออก ลึกๆ หรือสวดมนต์ง่ายๆ เพื่อให้ใจไม่วุ่นวาย
มองโลกตามความจริง :
หัดสังเกตว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอดไม่มีอะไรอยู่คงทนถาวร รวมถึงความสุขและความทุกข์ของเรา
ลดความอยาก :
พยายามลดความอยากได้อยากมีที่เกินความจำเป็น ไม่ยึดติดกับสิ่งของหรือความรู้สึกมากเกินไป เพราะเมื่อไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์
ทำความดี ละเว้นความชั่ว :
ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น หลีกเลี่ยงการทำสิ่งที่ไม่ดีที่จะทำให้ใจเราเศร้าหมอง
เรียนรู้ธรรมะง่ายๆ :
ฟังเทศน์ ฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์ที่สอนเข้าใจง่าย เพื่อให้รู้หลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
ฝึกเมตตา :
มีความเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ทำได้ จะทำให้ใจเราเบาสบาย
สำคัญ :
การไปนิพพานไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องค่อยๆ ฝึกฝนทีละเล็กทีละน้อย เหมือนการเดินขึ้นบันไดทีละขั้น ไม่ต้องรีบร้อน ขอให้มีความเพียรและความเข้าใจ
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี