อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางมาพบปะเจรจา กับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ สหภาพพม่า (State Administration Council=SAC) เป็นสัญญาณบอกว่า จีนมีแต้มต่ออเมริกาในความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และ สงครามการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน
มองผิวเผินหลายฝ่าย อาจเข้าใจไปว่า เพราะ สทร.ซึ่งเป็นที่ปรึกษา อันวาร์ ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เนื่องจากเป็นจำเลย ในคดีอาญา มาตรา 112 นายอันวาร์ จึงต้องทางมาประเทศไทยเพื่อพบที่ปรึกษา และพลเอก มิน อ่อง หล่าย ในเวลาเดียวกัน
แต่หากมองด้วยสติปัญญา จะพบว่า มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย เป็นประเทศมุสลิม ที่เกลียดชังพม่า จากกรณีปราบปรามโรฮีนจา ประกอบกับอินโดนีเซีย เป็นนอมินีอเมริกัน ในปฏิบัติการต่อต้านพม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ที่สหรัฐกับจีน แย่งกันยึดสหภาพพม่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ปิดล้อมกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินโดนีเซีย กับ มาเลเซีย เป็นตัวการสำคัญ กีดกันพม่าไม่ให้มีส่วนใดๆ ในกิจกรรมอาเซียน ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา พลเอกมิน อ่อง หล่าย ได้ร่วมลงนามในฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นประธานหมุนเวียนอาเซียนตั้งแต่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย และ สปป.ลาว ไม่เชิญพลเอกมิน อ่อง หล่าย ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ตั้งแต่ยึดอำนาจ จากพรรคเอ็นแอลดีของ ออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยอาเซียนกล่าวหาว่ามิน อ่อง หล่าย ไม่ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้ออาเซียน
ด้วยความมีอคติและฟังคำโฆษณาชวนเชื่ออเมริกา และตะวันตกไม่ลืมหูลืมตาของอาเซียนเป็นเหตุให้พม่าหันไปพึ่งพิง จีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนเป็นกำลังสำคัญการแก้ปัญหาความขัดแย้งในพม่า จนพูดได้ว่า ปัญหาคลี่คลายถึงขั้นจัดเลือกตั้งได้ในปลายปีนี้
ฝ่ายสหรัฐ ที่ทุ่มสุดตัวจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ PDF พร้อมทั้งจัดตั้ง รัฐบาลเงาพม่าหรือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government=NUG) ขึ้นมาทำสงครามกับ พลเอกมินอ่อง หล่าย แต่ PDF ไม่ได้รับการฝึกทหาร ไม่มีประสบการณ์ในการรบ มีหรือจะต่อกรกับกองทัพพม่า ที่ศักยภาพสูงมีกำลังพลประจำการกว่า 500,000 นาย แถมยังได้รับการสนับสนุนจากจีน และรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม อาเซียนยังคงหลับหูหลับตาสนับสนุน NUG เดินตามก้นสหรัฐ จนกระทั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้นำอาเซียนบางชาติถึงสำเหนียกว่า เดินตามก้นอเมริกามิพากันฉิบหาย ลองหันมาฟังจีนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านบ้างดีไหม #นั้นคือที่มานายอันวาร์ เดินทางมาพบกับมิน อ่อง หล่าย ในประเทศไทย ไม่ว่า
นายอันวาร์ หรือ สทร. ที่ปรึกษา จะมีข้ออ้างอย่างไร เราเชื่อว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีส่วนสำคัญผลักดันให้อาเซียน มีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่า เพื่อรับรองผลเลือกตั้งพม่าในอนาคต
ประธานาธิบดีสี เยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ระหว่าง 14-18 เมษายน แน่นอนเรื่องที่ประธานาธิบดีสี ปรึกษาหารือกับผู้นำประเทศเหล่านี้หนีไม่พ้นเรื่องสงครามการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จีนกับอเมริกา ในประเทศเวียดนาม จีน ได้ลงนามในความร่วมมือรอบด้านตลอดถึงการค้าถึง 36 ฉบับ
ในประเทศมาเลเซีย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า เขาจะสานสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับมาเลเซียให้ลึกล้ำขึ้นไปอีก และเขาจะมีการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึก ในการหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน อิบราฮิม และนายอันวาร์ ซึ่งด้วยความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย การเยือนครั้งนี้ จึงบรรลุผลลัพธ์มากมาย
ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า “จีนจะทำงานร่วมกับมาเลเซีย #เพื่อต่อสู้กับความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ รวมถึงทวนกระแสแนวคิดเอกภาคนิยม และการคุ้มครองทางการค้า โดยเราต้องค้ำจุนระบบกับระเบียบระหว่างประเทศ ที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง และส่งเสริมการบริหารโลกอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น”
คีย์โน้ตสำคัญคือ #จีนจะทำงานร่วมกับมาเลเซีย เพื่อต่อสู้กับความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ” เชื่อว่าคีย์โน้ตนี้ นายอันวาร์รับทราบล่วงหน้า และจับสัญญาณได้ว่า จีนประสงค์ให้อาเซียน มีปฏิสัมพันธ์กับพลเอกมิน อ่อง หล่าย เนื่องจากจีนสนับสนุนทั้งเครื่องมือทันสมัย ปัจจัย และกำลังคนเตรียมให้พม่ามีการเลือกตั้งในปลายปีนี้ แต่ยังมีสมาชิกอาเซียนบางชาติขัดขวาง
นายอันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียน การพบปะเจรจากับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ในประเทศไทย ถือเป็นการเปิดหน้าต่างทางการทูตให้พม่าในอาเซียน ซึ่งเหมือนกับที่จีนมีส่วนในทางลับ ให้ประเทศไทยเปิดหน้าทางการทูตให้พม่าในเวทีบิมสเทคเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
หลายฝ่ายอาจมีคำถามว่า ในเมื่อประธานอาเซียนต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ กับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ทำไมไม่พบกันในมาเลเซีย คำตอบ คือ การเป็นประธานอาเซียนที่มีวาระเพียงหนึ่งปี นายอันวาร์ ต้องสงวนท่าทีไว้เพราะสมาชิกอาเซียนที่อยู่ไกลออกไปยังคลั่งไคล้ในโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐกล่าวหา พลเอกมิน อ่อง หล่าย เป็นผู้ร้าย ทำลายล้างประชาชนของตนเอง การพบกันในประเทศไทย วินวิน ทั้งสองฝ่าย อย่างน้อย สทร. ที่ปรึกษาก็ได้หน้าว่าสามารถจัดการให้ประธานอาเซียนมาพบปะหาหรือกับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ได้
อันวาร์ เองก็อ้างว่า มาหารือเรื่องช่วยเหลือพม่าจากภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเก้าสิบปี ที่มีคนตายเกือบสี่พันศพ อาคารบ้านเรือนพังทลายเสียหายกว่าเจ็ดพันหลัง ประชาชนไม่มีที่อยู่อาศัยกว่า 60,000 ราย นอกจากนั้นนายอันวาร์ยังกล่าวว่า เขาพูดกับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ให้ขยายเวลาการหยุดยิงนานออกไป
ประเด็นการหยุดยิง รัฐบาลทหารพม่าประกาศหยุดยิงถึงสิ้นเดือน เมษายน เพื่อให้มีเวลากู้ภัยค้นหาและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ทางด้าน PDF และ NUG ก็ประกาศหยุดยิงสองอาทิตย์เช่นเดียวกัน
ส่วนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย อาทิ กองกำลังรักษาชายแดน หรือ BGF บอกกับแนวหน้าว่า ให้เวลารัฐบาลพม่าแก้ปัญหาแผ่นดินไหว
“หม่อง ชิตตู มอบเงินให้กาชาดพม่า 27 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวนี้ไม่ใช่เวลารบกัน”
พลโทบี ทู ผู้นำกองทัพคะยากู้ชาติ กล่าวว่า “รอดูท่าที มิน อ่อง หล่าย พบกับอันวาร์ก่อน แล้วพิจารณาว่าต่อไปเอายังไง” เนอดา เมียะ ลูกชายอดีตนายพลโบเมียะ ผู้บัญชาการกองทัพ “ก่อตูเลย” บอกกับแนวหน้าว่า “ตั้งแต่ อ.พบพระ (จ.ตาก) ลงมาถึงตรงข้ามท่าแชะ (จ.ชุมพร) ไม่มีการสู้รบเนื่องจากเข้าฤดูกาลทำนาของชาวบ้าน”
อดีตนักศึกษาพม่าที่หนีการปรามปรามใหญ่ วันที่ 8 สิงหาคม 2531 ที่นักเคลื่อนไหวพม่า เรียกว่า 888 และมาลงหลักปักฐาน ในประเทศไทย บอก แนวหน้าว่า “ตั้งแต่ทรัมป์ ตัดเงินอุดหนุน USAID พวก PDF หยุดการเคลื่อนไหวตลอดแนวชายแดนไทย พม่า และในเมืองใหญ่ มีแต่นักการเมืองไทยที่เคลื่อนไหวต่อต้าน พลเอกมิน อ่อง หล่าย”
พิเคราะห์จากคำพูดอดีต นักศึกษาพม่า ที่หนีเข้าป่าไปพึ่งพากลุ่มชาติพันธุ์ใกล้ชายแดนไทย ที่ทนสภาพความเป็นอยู่ในป่าไม่ได้ ออกจากป่า มาปักหลักอยู่ในประเทศไทยกว่า 35 ปี อนุมานได้ว่า คนรุ่นใหม่ที่หนีเข้าป่าไปอาศัยกลุ่มชาติพันธุ์ทำสงครามกับรัฐบาลพลเอกมิน อ่อง หล่าย ได้สำเหนียกแล้วว่า ขืนทำสงครามตามคำยุยงปลุกปั่นของอเมริกาต่อไป พวกเขาคงตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีที่อเมริกันผลักดันให้ทำสงครามกับรัสเซีย และเมื่อยูเครนพังพินาศล่มสลาย ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ทิ้งเซเลนสกีให้โดดเดี่ยว เที่ยวขอความช่วยเหลือประเทศนี้ประเทศนั้นเหมือนขอทานระดับโลก
จึงสรุปได้ว่า อันวาร์ มาพบกับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ในประเทศไทย คือ ชัยชนะของจีนเหนืออเมริกา ทั้งสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วน สทร. ไทยคุยโม้ถึงความสำเร็จอย่างไร ขอให้สำเหนียกว่า ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่มาประเทศไทย เพราะท่านกลัวตัวเสนียดจัญไร ไปจับมือถ่ายรูปคู่กับท่าน แล้วนำไปคุยโม้หลอกชาวบ้าน และสนุนบริวารว่า เขาเป็นเพื่อนสนิทกับประธานาธิบดีจีน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี