ดร.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เปิดเผยถึงดวงบ้านเมืองปี 2568 ว่า อุปราคาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 5 พ.ค.2568ทำให้ดวงดาวย้ายราศี โดยเฉพาะพระราหู ซึ่งเกี่ยวกับความมัวเมา อบายมุข การพนันขันต่อกิจการสีเทา โดยให้จับตาร่างกฎหมาย “Entertainment Complex” ซึ่งท้ายที่สุดจะมีการสมคบคิด รวบรัด จนสภาผ่านร่างดังกล่าว
นอกจากนี้ในเดือนพ.ค. 2568 จะมีดาวพระเคราะห์สำคัญ 3 ดวง ย้ายราศี คือ พระราหู ย้ายราศีในวันที่ 5 พ.ค. 2568, ดาวพฤหัสบดี ย้ายราศีวันที่ 13 พ.ค.2568 และดาวเสาร์ ย้ายราศีวันที่ 19 พ.ค. 2568 โดยเฉพาะการย้ายของดาวเสาร์ซึ่งเป็นตัวแทนของครม. ซึ่งส่งผลให้มีการปรับครม. และยุบสภา จนถึงขั้นเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี โดยการยุบสภามีโอกาสเกิดขึ้น 2 ช่วง คือ เดือนพฤษภาคม 2568 และกันยายน-ตุลาคม 2568
ช่างสอดรับกับข่าว “ปรับคณะรัฐมนตรี” และการเดินหน้าผลักดัน “กฎหมายกาสิโน” ในเวลานี้เสียจริงๆ
โหรภิญโญยังกล่าวด้วยว่า...
ทั้งนี้ ดวงเมืองถูกออกแบบให้มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากลัคนาเมืองอยู่ในราศีเมษ ธาตุไฟ ซึ่งราศีเมษเป็นราศีเพศชาย ดังนั้น ผู้ชายเป็นนายกฯ จะถูกโฉลกกับประเทศไทยมากกว่า ส่วนการเกิดรัฐประหารนั้น ยังมีโอกาสเกิดขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของวงรอบพระราหู ซึ่งใช้เวลา 18 ปี ซึ่งหากย้อนเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ขณะนั้นราหูอยู่ราศีมีน ดังนั้นปี 2568 จึงเป็นการครบวงรอบอีกครั้ง ซึ่งให้จับตาในช่วงเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีโอกาสที่จะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เนื่องจากพื้นดวงของนายอนุทิน อยู่ในลัคนาราศีเมษ กำลังเข้าสู่โชคใหญ่ สัมพันธ์กับดวงเมือง
ส่วนดวงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในลัคนาราศีกันย์ โดยมีราหูอยู่ลัคนาราศีมีนเล็งลัคนาเดิม ซึ่งราหูทับราหู ครบวงรอบพอดี ให้ระมัดระวังเรื่องเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นจนทำให้ต้องออกนอกประเทศ
ขณะที่ “ฟองสนาน จามรจันทร์” หมอดูชื่อดัง อดีตผู้สื่อข่าวและนักจัดรายการวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สีสันการเมืองแบบเด้งเด้ง” ทางยูทูบ ช่อง “แนวหน้าออนไลน์” ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ว่า
ช่วงนี้การเมืองอยู่ในช่วงสถานการณ์พลิกผันก็ต้องดูดีๆ โดยเฉพาะ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องจับตาดูในช่วงวันที่19 พฤษภาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2568 ขอบอกว่า ช่วงนี้ท่านมีเพื่อนเยอะมาก แต่ก็ระวังเพื่อนพาลงเหว เพราะว่าดวงชะตาตอนนี้ ดาวเสาร์กับดาวราหูตรึงกัน มิตรเหล่านี้จะไม่น่าไว้ใจ
“ดาวเสาร์กับดาวราหูตรึงกัน ปกติมิตรพวกนี้จะไม่น่าไว้ใจเท่าไร เคยเห็นดาวตรึงกันแบบนี้จะพากันติดคุก นึกว่าจะได้ตำแหน่งใหญ่กลายเป็นติดคุกไป เพราะฉะนั้นพอดูแล้วก็เข้าข่ายว่าท่านกำลังจะรับหนัก โดยเฉพาะเหมือนกันจะเกี่ยวกับลูกท่านด้วย เพราะดาวเสาร์หมายถึงตัวแทนลูกท่าน เพราะฉะนั้นช่วงนี้คิดว่าท่านค่อนข้างที่จะต้องต่อสู้หนักในช่วงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2568”
ฟองสนาน ยังกล่าวถึงดวงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า “ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งค์ก็หวาดเสียวแทน คือ เราไม่รู้ลัคนา ไม่รู้เวลาเกิดของท่าน เพราะท่านเกิดที่อเมริกา แต่สิ่งที่น่าจับตา คือ ที่ผ่านมาท่านถูกกระทบกระเทือนตำแหน่งมาโดยตลอด เหมือนกับว่าไม่ใช่นายกฯ จริง ปรากฏการณ์สำคัญที่จะเกิดกับชีวิตท่าน คือท่านต้องระมัดระวังตัว ท่านต้องผ่านไปในคราวแรกนี้ให้ถึงวันเกิดของท่าน วันเกิดของคุณอุ๊งอิ๊งค์ คือ วันที่ 21 สิงหาคม 2529 เท่าที่ดู ดาวราหูทับทั้งจันทร์ เล็งทั้งอาทิตย์มีศัตรู มันหมายถึงว่า ถ้าราหูทับจันทร์ ระวังจะหลุดจากตำแหน่ง ระวังตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป สรุปท่านนายกฯ ต้องเอาตัวรอดไปให้ได้ถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ไปก่อน
“ดูแล้ว ดูดวงคุณพ่อกับดวงคุณลูกคงจะหนัก ออกแนวลบทั้งคู่ แต่ทั้งนี้ ดวงมันอาจจะกระทบกระเทือนหรือไม่ก็ต้องอยู่การบริหารจัดการ เพราะว่าจริงๆ แล้ว 50% ก็เป็นเรื่องของดวง อีก 50% เป็นเรื่องของการกระทำ อย่างครั้งที่แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ ถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็ใช้ได้ แต่ตอนนี้มันก็มีเรื่องที่จะเข้ามาเป็นส่วนประกอบที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายของคุณอุ๊งอิ๊งค์อีก คือเรื่องพวกนี้ พวกที่เกี่ยวกับหมอ ผู้ทรงศีล กระบวนการยุติธรรม นักศึกษา พวกเกี่ยวกับดาวพฤหัส มันส่งแสงถึง ก็หวังว่าท่านคงจะบริหารจัดการออกมาได้” ฟองสนาน กล่าว
วิเคราะห์จาก “ชะตา” ที่แม่หมอฟองสนานท่านทำนาย ดูเหมือน “กรรม” คือ การตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรสำคัญกว่า “พื้นดวงชะตา” เพราะเป็นตัวกำหนด “ผลลัพธ์”
“กรรม” ที่ทำไปแล้ว และดูเหมือนกำลังเริ่มต้น “ไล่ล่า” แพทองธาร คือ รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ครับ
1) รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วางกรอบชัดเจนว่า “ห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ หรือคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนแปลงงบประมาณเว้นแต่ในทางลดหรือตัดทอน และห้ามแตะต้องรายจ่ายที่เป็น
(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
(2) ดอกเบี้ยเงินกู้
(3) เงินที่กฎหมายกำหนดให้จ่าย”
หากมีการฝ่าฝืนข้อห้ามนี้ บทลงโทษสูงสุดถึงขั้นให้พ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และถูกเรียกเงินคืนภายใน 20 ปี
2) การยื่นให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เริ่มต้นจากการที่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน มีมติปรับลดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท จากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ซึ่งเป็นเงินกู้ตามข้อผูกพันตามกฎหมายการเงินการคลัง
เงินก้อนนี้ ถูกโยกมาเป็นงบกลาง เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ต่อมา เมื่อรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร รับช่วงบริหารประเทศต่อ งบกลางดังกล่าวก็เริ่มถูกเบิกจ่ายจริงเพื่อนำไปใช้ตามแผนเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของเงินกู้ที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย จึงกลายเป็นหัวข้อร้องเรียนในครั้งนี้
3) ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนหลักต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แก่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ด้วยการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144
2) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวว่า เราพบการกระทำความผิดของ ครม. และกรรมาธิการงบประมาณของ สส.และ สว. เป็นการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ซึ่งต้องห้ามไม่ให้ไปตัดงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องของการให้เงินกู้ที่กฎหมายมีการบังคับเอาไว้ ประเด็นแรก พบปรากฏว่า ได้ผ่านวาระ 1 เข้าไปแล้ว แต่ครม.ได้มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28ซึ่งเอามาใช้ในกิจกรรม และต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว
3) ประเด็นที่ 2 กรรมาธิการงบฯ ก็รู้ มีการพูดกันอยู่ในการประชุม ครั้งที่ 38 มีการถกเถียงกันถึงมาตรา 144 แต่ต่อมาก็ให้ผ่านงบฯ ซึ่งในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ให้สส.และสว.ถอดถอนงบประมาณนี้ และยังเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญปี’60ระบุไว้ว่าแม้แต่ ครม.รู้ว่ามีการกระทำ แต่ไม่ยับยั้งก็ให้ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ และยังเป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจ ป.ป.ช.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดถอน ครม. สส. และสว. หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล อีกทั้งให้เรียกเก็บเงินทั้งหมดที่เอาไปทำเสียหายคืนแก่แผ่นดินภายใน 20 ปี ทั้งหมดนี้จึงมายื่นให้ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไป
4) ดร.นายเจษฎ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าป.ป.ช.เห็นว่ามีมูลก็ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แล้วศาลก็จะเป็นผู้วินิจฉัย ดังนั้น ภาระของ ป.ป.ช.ไม่ได้ถึงต้องตัดสินเรื่องนี้เลย แต่ถ้ามีมูลก็ต้องดำเนินการโดยพลัน ซึ่งการดำเนินการของ ป.ป.ช. คาดว่าไม่เกิน 2 เดือน ส่วนถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลมีเวลา 15 วัน
5) ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อธิบายเพิ่มเติมว่า ความผิดนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ ครม. ชุดของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และการกระทำดังกล่าวยังผลต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แยกเป็น 2 ประเด็น 1.การใช้งบประมาณที่ผิด 2. ได้มีโอกาสเข้าไปใช้งบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ส่วน สส. ก็จะเป็น สส.ชุดปัจจุบัน รวมถึงสว.ก็เป็นชุดปัจจุบันด้วยเช่นกัน
6) นายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า ข้อมูลนี้เราศึกษากันมา 5-6 เดือน แล้วเรามีรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการต่างๆ มีมติคณะรัฐมนตรี ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ตนกับ ดร.เจษฎ์ ก็เป็นกรรมาธิการใน พ.ร.บ. ป.ป.ช. ซึ่งเห็นแล้วว่า การใช้งบประมาณผิดประเภทเป็นเรื่องผิด และเคยตักเตือนมาแล้วว่าขัดรัฐธรรมนูญ จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดได้ แต่ต้องให้ ป.ป.ช.เป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย และคิดว่าเรื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหาประเทศเพื่อไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณางบประมาณปี 2569 และการแจกเงินในดิจิทัล วอลเล็ต ก็จะมีขึ้นอีกทั้งที่ประเทศกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว
“จึงหวังว่าจะทำให้เรื่องนี้หยุดและทำให้ถูกต้อง ส่วนที่ทำผิดไปแล้วก็ต้องรับผิด ส่วนจะเป็นการล้างไพ่หรือไม่ มองว่าคนทำผิดก็ต้องรับผิดแค่นั้น ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ไม่ยอมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ จะขอรอดูก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป” นายสมชาย กล่าว
มารอดูกันว่า ระหว่างดวงชะตาที่มีความสุ่มเสี่ยง กับ “กรรม” ที่ทำให้ตนเองเสี่ยง
จะผสานกำลังกัน “ไล่ล่า” และ “ลงโทษ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จนต้องมีจุดจบทางการเมืองอย่างไร และเมื่อไร?!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี