อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์ ไปเชียงใหม่ช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยน้องสาว-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และน้องเขย-นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพื่อให้ชาวเชียงใหม่รดน้ำดำหัว ภายใต้ชื่องานว่า“สระเกล้า ดำหัว” ณ สวนสาธารณะสถานีรถไฟ อบจ.เชียงใหม่
ไปคราวนี้ก็ให้สัมภาษณ์เรื่องการบ้านการเมืองเหมือนทุกครั้ง และก็ทำตัวเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้เหมือนเดิมอีกเช่นเคย พร้อมทั้งคุยโม้โอ้อวดว่า จะทำให้ประเทศไทยแข็งแรงและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า“Make Thailand Great Again!”
ในช่วงเริ่มต้นของการให้สัมภาษณ์สื่อนั้น อดีตนักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองผู้นี้ก็พยายามระมัดระวังตัว พอพล่ามไปได้สักพัก ปรากฏว่าลืมตัว นิสัยถาวรออก ชอบอวดรู้-อวดเก่ง และพูดราวกับว่าตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้
“ทักษิณ ชินวัตร”ให้สัมภาษณ์ โดยเริ่มจากประเด็นร้อนเกี่ยวกับมาตรการ“กำแพงภาษี”ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แล้วก็ต่อด้วยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)-ดังนี้
“เรามีการพูดคุยกัน ซักซ้อมในเรื่องข้อห่วงใยของอเมริกาและของเราเอง ที่ไม่ได้ดูตัวเลขมานาน ก็กลายเป็นว่ามุ่งตัวเลข แต่ไม่ได้มุ่งคุณภาพของการนำเข้าและส่งออก ซึ่งตรงนี้ต้องมาปรับครั้งใหญ่ ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดี ที่เราได้รับเที่ยวนี้ ทำให้เราต้องมานั่งปรับว่า บางประเทศเราขาดดุลเยอะเกินไป จะสามารถแก้ไขอย่างไร หรือประเทศที่เกินดุลมากเกินไปจะปรับอย่างไรให้มันแฟร์ ก็น่าจะดีขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่สหรัฐฯชะลอการเจรจากับประเทศไทยเพราะอะไร, “ทักษิณ ชินวัตร”ตอบว่า “สหรัฐฯวันนี้เขาต้องดีลกับหลายประเทศ และเขาก็มียุทธศาสตร์ว่า เอเชียเขาจะเอาอย่างไร โดยเฉพาะเขาห่วงใยเรื่องความใกล้ชิดกับจีน ก็จะมีผูกพัน นอกจากเรื่องภาษี ก็จะมีเรื่องที่ไม่ใช่ภาษีปนอยู่ด้วยในการเจรจา เพราะฉะนั้น เราต้องไม่ผลีผลาม ใจเย็นๆ ดูข้อมูลให้เหมาะ”
ผู้สื่อข่าวถามต่อ “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เคยระบุว่าจะช่วยเจรจากับคนรอบข้างประธานาธิบดีทรัมป์”, “ทักษิณ ชินวัตร” ตอบว่า “เราก็พูดคุยกัน แต่บังเอิญว่าเดี๋ยวนี้เขาขอใช้ข้อมูลจากหลายหน่วยงานเข้ามาผสม ทั้งเรื่องของความมั่นคง เรื่องที่เรามีปัญหาการฟ้องร้องคนอเมริกันกันอยู่บ้าง ซึ่งถูกนำเอามารวมกันหมด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมีสติในการเจรจาให้ดี”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า “ยังถึงขั้นที่จะขออนุญาตศาลออกไปพูดคุยกับทางประธานาธิบดีทรัมป์ใช่ไหม”, “ทักษิณ ชินวัตร”ตอบว่า “ก็คงต้องดูเหตุการณ์ก่อน ส่วนใหญ่แล้วนายกฯ ไม่มีใครไป เพราะไม่ได้เป็นการเจรจากับตัวประธานาธิบดี เป็นการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯบ้าง หรือกระทรวงพาณิชย์เขาบ้าง เพราะฉะนั้น เราจะใช้ระดับรัฐมนตรีไปเจรจา”
ส่วนเรื่องกระแสข่าวการปรับ ครม., “ทักษิณ ชินวัตร”ตอบแบบเหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่า ลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ต้องแล้วแต่นายกฯ เพียงแค่ทุกคนเอาเรื่องของการเมือง และการบริหาร โดยเฉพาะเรื่องงานบางอย่างที่ไม่ค่อยออก เพราะติดขัดอะไรก็คุยกับนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็กำลังคิดพิจารณาว่า จะทำแค่ไหนอย่างไร เป็นเรื่องของนายกฯ”
ผู้สื่อข่าวถามจี้ “เป็นไปได้หรือไม่ที่การปรับ ครม.จะปรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่สามารถทำได้ก่อน”, “ทักษิณ ชินวัตร”ลืมตัวอีกแล้ว กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีดังเดิม โดยตอบว่า“ไหนๆ จะปรับ ก็ต้องปรับทีเดียว”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “มองอย่างไรที่จะมีการปรับ ครม. โดยผลักให้พรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน”, “ทักษิณ ชินวัตร”ยืนยันแบบรับประกันด้วยตนเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า “ไม่มี ยังไม่เคยคิด ว่าจะให้ใครออกไปเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีความคิดตรงนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่จะดึงพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาล ว่า“มีแนวโน้มหรือไม่”, “ทักษิณ ชินวัตร” ตอบทันทีทันควันโดยไม่ต้องหยุดคิดว่า “พรรคพลังประชารัฐมีส่วนหนึ่งที่เขามีการพูดคุยกับเพื่อนเขา เรายังไม่ได้คิดเรื่องที่จะดึงใคร หรือไม่ดึงใคร อย่างวันนี้ส่วนใหญ่มองว่า ที่มีอยู่ก็ดีอยู่แล้ว อาจจะปรับตำแหน่งมากกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามนำเหมือนถามนายกรัฐมนตรีตัวจริงว่า “หากงูเห่าของพรรคพลังประชารัฐจะมา เราก็ไม่ได้ปิดทางใช่หรือไม่”, “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ตอบแบบนายกรัฐมนตรีตัวจริงโดยปฏิเสธว่า “ไม่ทราบ ไม่ได้คุยเรื่องงูเห่าเลย ซึ่งก็คงไม่มีความจำเป็นอะไร เสียงรัฐบาลก็เยอะแยะ”
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์ของสื่อในครั้งนี้ ยังไม่ทิ้งประเด็นเรื่องการ“ป่วยทิพย์ ชั้น 14 “ที่โรงพยาบาลตำรวจของ“อดีตนักโทษเทวดา”ผู้นี้ กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องให้ศาลฯรับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยศาลฯได้นัดมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีความกังวลอะไรบ้างหรือไม่, “ทักษิณ ชินวัตร”ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่ได้กังวลอะไร ทุกอย่างก็ว่าไปตามกระบวนการ”
กระบวนการที่“ทักษิณ ชินวัตร”ว่านั้น ถ้าหากวันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกาฯรับคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ไว้พิจารณา โอกาสที่ทักษิณจะต้องกลับเข้าไปติดคุกก็มีความเป็นไปได้สูง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี