พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล 2 ปี..ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน..นอกจากราคาคุย“คิดใหญ่-ทำเป็น”..หมกมุ่นอยู่กับตัวเลข จีดีพี. หรือ“ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ”..ที่เป็นตัวชี้วัดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ช่วง 2 ปีที่เป็นรัฐบาล..ตั้งแต่ยุค“รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน”..มาถึงยุค“รัฐบาลแพทองโพย”..ถ้ารัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยทำงานจริง..ป่านนี้อะไรต่อมิอะไรก็จะดีขึ้นกว่านี้..แม้ปัจจัยภายนอก..คือสถานการณ์โลกซึ่งเป็นตัวกำหนดหลักทางด้านเศรษฐกิจจะผันผวนก็ตาม..อย่างน้อยก็ยังพอประคองตัวได้
นโยบายประชานิยม“ลด-แลก-แจก-แถม”เพื่อสร้างคะแนนนิยม..กลายเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารประเทศของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย..ที่ถูกกดปุ่มสั่งการโดยอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร
ตลอด 2 ปีที่เข้ามาบริหารประเทศ..รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ล้างผลาญเงินแผ่นดิน..เพื่อดำเนินการตามนโยบายประชานิยมที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน..จนเรียกว่าเงินแทบจะหมดเกลี้ยง..ถึงกับเตรียมจะกู้มาใช้อีก 5 แสนล้านบาท
เท่านั้นยังไม่พอ, โครงการแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท”..อันเป็นนโยบาย“ตกเขียว”ของพรรคเพื่อไทย..ที่สัญญาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง..ภายใต้ข้ออ้างการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ..ก็ปรากฏว่าแจกไปแล้ว 2 เฟส..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เงินแจกที่อัดลงไปเงียบหายไปกับสายลม..ไม่มีพายุหมุนทางเศรษฐกิจใดๆ เกิดขึ้น..จากที่รัฐบาลป่าวประกาศว่า..จะมีพายุหมุนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น 4 ลูก
การแจกครั้งแรกของ“รัฐบาลแพทองโพย”..ในเดือนกันยายน ปี 2567 ถลุงเงินแผ่นดินไป 1.45 แสนล้านบาท..หรือตัวเลขกลมๆ 145,552.40 ล้านบาท..โดยแจกให้แก่คนพิการ..และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ..จำนวน 12.4 ล้านคน
และแจกเฟส 2 ให้แก่ผู้สูงวัย..ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป..จำนวน 4 ล้านคน.. เมื่อช่วงเดือนมกราคมต้นปี..หมดเงินไปอีก 4 หมื่นล้านบาท
สรุปรวมทั้ง 2 เฟส..หมดเงินแผ่นดินไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท..ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ..มีแต่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนนิยม..เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งสมัยหน้า..ที่ต้องการจะกวาด สส.เข้ามาให้ได้แบบ“แลนด์สไลด์”..แล้วจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว..เหมือนเมื่อครั้งรัฐบาลพรรคไทยรักไทยในสมัย“ทักษิณ ชินวัตร”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เมษายนวานนี้..นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท”เฟส 3..ให้แก่กลุ่มผู้มีอายุ 16-20 ปี..จำนวน 2.7 ล้านคน..โดยใช้วงเงินประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท..ว่าขณะนี้ไทม์ไลน์ยังคงเดิม.. คือ..รัฐบาลจะแจกเงินในไตรมาสที่ 2..หรือช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้
ทั้งนี้, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์..ซึ่งว่าไปก็ไม่ต่างจากรัฐมนตรีว่าการ“นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต”..เพราะงานการอื่นในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง..ไม่เคยมีผลงานอะไรปรากฏให้เห็นในช่วงตลอด 2 ปี.. ยืนยันว่า..เรื่องนี้อาจจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้าได้
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียน ป.ช.ป. ให้มีการตรวจสอบ ครม.ของนายเศรษฐา ทวีสิน..และ ครม.“มาดามแพทองโพย”..รวมถึง สส. และ สว.ชุดปัจจุบัน..จากการพิจารณาตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568..วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท..เพื่อนำมาแจกในโครงการ“ดิจิทัล วอลเล็ต”นั้น, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวว่า..กระบวนการในการพิจารณางบประมาณผ่านพ้นไปแล้ว..และได้ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ..โดยได้มีการพิจารณาตั้งแต่ชั้นอธิบดี, ชั้นกฤษฎีกา, สำนักงานงบประมาณ, กระทรวงการคลัง..ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการร้องเรียน ป.ช.ป.ในเรื่องดังกล่าวนั้น..เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา, นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์..พร้อมคณะ..ประกอบด้วยนายสมชาย แสวงการ อดีต สว., นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการและอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ปี 2560 และนายนิติธร ล้ำเหลือ..หรือ“ทนายนกเขา”..ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ความปรากฏต่อ ป.ป.ช. ว่าด้วยการกระทำความผิดกรณีฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 144
รายละเอียดของคำร้อง มีดังนี้ “1.สส.จะแปรญัตติงบฯ รายจ่ายประจำปี.. โดยการเปลี่ยนแปลง..หรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการ..หรือจำนวนงบประมาณในรายการมิได้..แต่อาจแปรญัตติในทางลด..หรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง..ดังต่อไปนี้ (1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้ (2) ดอกเบี้ยเงินกู้ (3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย”
“2.ในการพิจารณาของ สส., สว. หรือคณะกรรมาธิการ (กมธ.)..การเสนอการแปรญัตติ..หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ สส., สว. หรือ กมธ. มีส่วน..ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม..ในการใช้งบประมาณรายจ่าย..จะกระทำมิได้ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560..ที่บัญญัติในวรรคสามเพิ่มเติม”
“3.แต่ในกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)..เป็นผู้กระทำการ..หรืออนุมัติให้กระทำการ..หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้ว..แต่ไม่ได้สั่งยับยั้ง..ให้ ครม. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ..นับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย..และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น..เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า..ตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ..และให้ผู้กระทำการต้องรับผิดชอบชดใช้เงินนั้นคืน..พร้อมด้วยดอกเบี้ยภายในเวลา 20 ปี..นับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น”
“4.พวกข้าพเจ้าทั้งหมดนี้ในฐานะประชาชนคนไทย..มีหน้าที่ป้องกันประเทศ..พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิผลประโยชน์ของชาติ..สาธารณสมบัติของแผ่นดิน..ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ..ต้องการทำการเมืองสีขาว..โปร่งใส..ตรวจสอบได้..ตามหลักธรรมาภิบาล..จึงนำความแจ้งแก่ ป.ป.ช. โดยพวกข้าพเจ้าได้ทำตามกฎหมาย ป.ป.ช. ปี 2561 ส่วนที่ 3..ว่าด้วยการฝ่าฝืนมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ..และมาตรา 88 ของกฎหมาย ป.ป.ช. ที่บัญญัติว่า..เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับแจ้งจากหน่วยงานของรัฐตามบทบัญญัติ..ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการสอบสวนในทางลับโดยพลัน..เพราะเอกสารประกอบคำร้องที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เป็นการลงมติของผู้กระทำความผิดที่ครบถ้วนแล้ว”
และท้ายคำร้อง ระบุว่า “พวกข้าพเจ้าขอให้พี่น้องประชาชนร่วมใจกัน..เพื่อปกป้องบ้านเมือง..ไม่ใช่เป็นธนกิจการเมือง..ที่อยู่ในมือกลุ่มทุนสามานย์ไม่กี่กลุ่ม..ที่ยึดโยงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องเช่นนี้”
อย่างไรก็ตาม, นอกจากเรื่องแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท”..ที่หมิ่นเหม่ต่อคุกตะรางของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว..เรื่อง“กาสิโน”ก็เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาให้ได้..ทั้งๆ ที่คนไทยทั้งประเทศลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้าน
เรียกว่ายังขาดเรื่องซ่องโสเภณีเท่านั้น..ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังไม่เอาขึ้นมาบนดิน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี