คนจีนมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งคือ “เจียะป้าบ่อสื่อ” แปลว่า “กินอิ่มแล้วไม่ทำอะไร นอกจากหาเรื่องไปเรื่อย”เป็นคำพูดที่ใช้ด่าว่าคนที่ขยันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องพอกินอิ่มมีเรี่ยวมีแรงขึ้นก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยแต่เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ ชอบทำแต่เรื่องที่ไม่เข้าท่า หรือสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมาว่าตัวเองเป็นคนทำงาน ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย
คนอย่างนี้เป็นคน “เจียะป้าบ่อสื่อ”
เมื่อพูดถึงคนแล้ว ไม่ว่าที่ไหนหรือประเทศไหนจะมีคุณภาพอย่างไรนั้น เขาแบ่งคุณภาพของคนออกได้ 4 ประเภท คือ
1.ประเภทฉลาดและขยัน
คนประเภทนี้เขาบอกว่าให้เลี้ยงไว้ ถ้าส่งเสริมให้ดีแล้ว ต่อไปภายภาคหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีคุณภาพ
2.ประเภทฉลาดแต่ขี้เกียจ
คนประเภทนี้เขาบอกว่าไม่เป็นไร ให้ทำงานในเรื่องที่เกี่ยวกับหัวคิด หรือทำงานวางแผนจะเหมาะที่สุด
3.ประเภทโง่และขี้เกียจ
เขาบอกว่าก็ไม่เป็นไรอีก เพียงแต่ต้องคอยจับตาดูหรือคอยแนะนำให้ทำตามเท่านั้น ปล่อยให้ทำเองไม่ได้
4.ประเภทโง่แต่ขยัน
พวกนี้เป็นพวกที่เขาบอกว่ามีอันตราย ไม่ว่าจะให้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใด เป็นพวกที่ก่อความวุ่นวายเดือดร้อนได้ง่าย
ทั้ง 4 ประเภทของคนดังกล่าวนี้ แม้เผด็จการอย่าง “ฮิตเลอร์” ก็มีความเห็นว่า พวกที่ 4 คือ“โง่แต่ขยัน” นั้น ทิ้งไว้ไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อสังคมหรือหน่วยงาน ควรกำจัดทิ้งให้หมด
แต่ “สตาลิน” ซึ่งเป็นเผด็จการเหมือนกันบอกว่า “ปัญหาเกิดจากคน ถ้ากำจัดคนก็เท่ากับกำจัดปัญหา”
“คน” ในสายตาของ “ฮิตเลอร์” และ “สตาลิน”จึงดูคล้ายกันในเรื่องของปัญหา แต่ของ “ฮิตเลอร์” เจาะจงกว่า คือมุ่งเฉพาะ “คนที่โง่แต่ขยัน” เท่านั้นที่ต้องกำจัดทิ้ง
ถ้าจะว่าไปแล้ว ความขยันเป็นสิ่งดี แต่ถ้าอยู่กับคนไม่ฉลาด หรือคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ ความขยันที่ว่านี้จะกลายเป็นสิ่งไม่ดีไป เพราะความขยันจะถูกนำไปใช้ในทางที่โง่ๆ ซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว บางครั้งยังเกิดความเสียหายขึ้นได้ แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นกับคนโง่ผู้นั้นเอง หรือเกิดกับคนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
มองบ้านเมืองของเราขณะนี้แล้วเป็นอย่างไร
ทำงานตามแต่ “มโน” จะพาไปหรือเปล่า
ภายใต้บรรยากาศของความเดือดร้อนในชีวิตประจำวันของแต่ละกลุ่มอาชีพที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะภายใต้ภาวะแห่งการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างหนักอย่างที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้
เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาภายใต้บรรยากาศดังกล่าวนี้ เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้ประชาชนทั้งหลายที่รักชาติบ้านเมืองของตน เกิดการ “รู้เท่า”และ “รู้ทัน” ในสิ่งต่างๆเหล่านี้
“รู้เท่า” ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปี ในการบริหารจัดการบ้านเมืองเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับส่วนรวมของบ้านเมือง ว่าใครบ้างที่มีอำนาจ แต่ทำงานกันแบบ “เจียะป้าบ่อสื่อ” วันๆเอาแต่โมโหโทโส หาเรื่องกับผู้คนทั้งหลายที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของตนหรือของหมู่คณะ
“รู้ทัน” คือรู้เท่าทันสถานการณ์และวิธีการของคนมีอำนาจในองค์กรต่างๆของบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไร จนทำให้ความเชื่อถือเชื่อมั่นลดน้อยลงตลอดเวลา
โดยเฉพาะรู้ว่าคนดังกล่าวนั้นจัดอยู่ในประเภทคุณภาพของคนในลักษณะไหน จากที่จำแนกไว้4 ประเภทข้างต้น
ขณะนี้กำลังเป็นอย่างนี้จริงๆ
ความตื่นตัวของประชาชนกลุ่มต่างๆปรากฏให้เห็นมากขึ้น ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองได้สำเหนียก และคิดอ่านหาทางแก้ไข หรือบริหารจัดการให้ถูกทิศถูกทางกับปัญหาที่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องทำ ว่าควรต้องทำหรือต้องแก้ไขเรื่องอะไรก่อน อะไรหลัง
ไม่ใช่ “เจียะป้าบ่อสื่อ”
คือกินอิ่มแล้วขยันไม่เข้าเรื่อง
เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ
ชอบทำแต่เรื่องไม่เข้าท่า แม้กระทั่งคนนั่งรถกระบะ ก็อุตส่าห์แส่ไปเอาเรื่องเอาราวกับเขาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ จนถูกด่ากลับมาเปิดเปิง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี