“ด็อกเตอร์ เจล” อัดงบ 10 ล้านบาท ส่งสินค้าใหม่ “ด็อกเตอร์ เจล คอนเซนเทรต ไบรท์เทนนิ่ง ดีลักซ์ ครีม” ประเดิมตลาดสารสกัด CBD จับเทรนด์ลงทุน 'กัญชา-กัญชง' ในไทย
บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด ภายใต้ กลุ่มธุรกิจออกานิกส์ กรุ๊ป ทุ่มเม็ดเงินกว่า 10 ล้านบาท ประเดิมลุยตลาดสารสกัด CBD มูลค่าทั่วโลก 2.2 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ จดสิทธิบัตรจากเยอรมันเจ้าเดียวในไทย จับเทรนด์ลงทุน 'กัญชา-กัญชง' ที่ในไทยอนุมัติถูกกฎหมาย เปิดตัวสินค้าใหม่ “ด็อกเตอร์ เจล คอนเซนเทรต ไบรท์เทนนิ่ง ดีลักซ์ ครีม” Dr.Jel Concentrate Brightening Deluxe Cream ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า จากสารสกัด Annona Cherimoya ซึ่งออกฤทธิ์ที่ CB2 receptor ซึ่งเป็นตัวจับที่พบมากที่สุดใน ECS ซึ่งเป็นระบบที่กำจัดกระบวนการอักเสบทั้งหมด ร่วมมือ กับบริษัทผู้ผลิตและวิจัยสารสกัดความงามจากนวัตกรรมจากประเทศเยอรมัน ที่สามารถค้นพบสาร CBD โดยสกัดมาจากตัวผลน้อยหน่าออสเตรเลีย หรือ เชอรีโมยา (Cherimoya) ที่เป็นสารตัวเดียวที่มีงานศึกษาทุกอย่างว่าออกฤทธิ์เหมือนสาร CBD ที่มีในตัวกัญชงหรือกัญชาในการช่วยลดการอักเสบของผิวพรรณ นำร่องทำตลาดก่อนใคร คาดยอดขายไม่ต่ำกว่าหมื่นกระปุกต่อเดือน ตั้งเป้าสิ้นปียอดขายเตะ มากกว่าเดือนละ 10 ล้านบาท
นาย ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด ภายใต้ กลุ่มธุรกิจออกานิกส์ กรุ๊ป กล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเสริมและเครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจที่ปัจจุบันเรามีอยู่ 5 บริษัทที่บริหารอยู่ ถ้านับตั้งแต่ปีที่แล้วในช่วงวิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาทางบริษัทเราเองไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวกลับมีอัตราการเติบโตขึ้นเป็น 1,000 % โดยเฉพาะในส่วนโออีเอม (รับการผลิต) เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่สามารถผลิตทั้งอาหารเสริม เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เป็นต้น ส่งผลให้ในช่วงวิกฤติดังกล่าว มีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้ามาหาเราให้ผลิตสินค้าเกี่ยวข้องกับช่วงวิกฤติที่ผ่านมาจำนวนมาก และได้มีจำนวนลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้นมากกว่า 300 ราย แต่เราก็ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าเก่าเป็นหลัก และในช่วงโควิดระลอกใหม่ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทางเราก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเหมือนช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ดูได้จากลูกค้าเก่าช่วงสถานการณ์โควิดระลอกใหม่เกิดขึ้นกลับมีการรีออเดอร์กว่า 300 % โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนการรับจ้างผลิตในไลน์สินค้าสกินแคร์อยู่ที่สัดส่วน 70 % และอาหารเสริมอยู่ที่ 30 %
สำหรับในส่วนสินค้าแบรนด์ของ ดร.เจล นั้นปีนี้เราวางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพิ่มมากกว่า 10 รายการ จากปัจจุบันมีจำนวนสินค้าอยู่ประมาณ 30 รายการ โดยตั้งเป้าจะออกสินค้าใหม่ 1-2 รายการต่อเดือน เพราะเรามองว่าการที่แบรนด์เรามีสินค้าหลากหลายจะผลักดันให้บริษัทมีกำไรการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ของเรายังคงมีสัดส่วนสินค้าในด้านอาหารเสริมมากกว่าสินค้าสกินแคร์ ทั้งนี้ เราคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ยอดขายรวมทั้งบริษัทน่าจะเติบโตมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้
ล่าสุด บริษัทเราจึงได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “ด็อกเตอร์ เจล คอนเซนเทรต ไบรท์เทนนิ่ง ดีลักซ์ ครีม” Dr.Jel Concentrate Brightening Deluxe Cream ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า จากสารสกัด Annona Cherimoya ที่ออกฤทธิ์ที่ CB2 receptor ซึ่งเป็นตัวรับที่พบมากที่สุดใน ECS ซึ่งเป็นระบบที่กำจัดกระบวนการอักเสบทั้งหมด โดยเราร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตและวิจัยสารสกัดความงามจากนวัตกรรมจากประเทศเยอรมัน ที่สามารถค้นพบสาร CBD โดยสกัดมาจากตัวผลน้อยหน่าออสเตรเลีย หรือ เชอรีโมยา (Cherimoya) ที่เป็นสารตัวเดียวที่มีงานศึกษาทุกอย่างว่าออกฤทธิ์เหมือนสาร CBD ที่มีในตัวกัญชงหรือกัญชาในการช่วยลดการอักเสบของผิวพรรณ ไม่ว่าจะสิว รอยดำ รองแดง เป็นต้น โดยเราได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ในการนำสารสกัดดังกล่าวเข้ามาผลิตสินค้าตัวใหม่นี้ภายในโรงงานของตัวเอง ซึ่งเราได้ทำการจดสิทธิบัตรแล้วเป็นเจ้าเดียวและเจ้าแรกในไทย ทั้งนี้เราคาดว่ายอดขายสินค้าใหม่ตัวดังกล่าวนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้อยู่ราวประมาณ 8 หลัก ต่อเดือน นับตั้งแต่วันเปิดตัวคือเดือนมีนาคมนี้ หรือคิดเป็นยอดขายไม่ต่ำกว่าหมื่นกระปุกต่อเดือน ทำให้เรามั่นใจว่าภายในสิ้นปี้นี้สินค้าตัวนี้จะทำรายได้อยู่ที่มากกว่าเดือนละ 10 ล้านบาท
“เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปประเทศสวิสฯ และได้ไปเจอชากัญชาที่ประเทศเค้ามีขายอยู่ พอเราได้เจอเลยเริ่มสนใจ เพราะบ้านเค้ากัญชาซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย แต่บ้านเรายังผิดกฎหมายอยู่ หลังจากนั้นจึงเกิดความสนใจจึงได้กลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงได้รู้ข้อมูลว่า ในกัญชาจากแต่ก่อนคนจะรู้จักว่ามีแต่สาร THC ที่เวลาใช้กัญชาจะมีอาการตื่นตัวหรือมึนเมา และจากการศึกษาไปเรื่อยๆ ว่าในกัญชายังมีสาร CBD ซึ่งมันมีสารที่มีโครงสร้างทุกอย่างเหมือนกันเลย แต่การจัดเรียงตัวโมเลกุลไม่เหมือนกัน ดังนั้นก็เลยศึกษาต่อว่าระหว่างสาร THC และ CBD ในกัญชามีข้อดี ข้อด้อย แตกต่างกันอย่างไร ปรากฏว่าสาร CBD ให้ข้อดีกว่า THC ค่อนข้างเยอะ เพราะสารจาก THC จำนวนมากจะส่งผลข้างเคียงให้เรามีอาการเมา ปากแห้งคอแห้ง บางคนความทรงจำหายไปชั่วขณะ ส่งผลให้ความจำลดลง ซึ่งมันเป็นข้อเสียมากกว่า แต่สารที่สกัดออกมาเป็น CBD จะไม่มีการออกฤทธิ์แบบนี้จะไปออกที่ช่วยเรื่องปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเป็นหลัก”
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ในเมืองไทยเพิ่งได้เริ่มเปิดให้การปลูกและใช้กัญชงถูกกฎหมายได้เมื่อ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็ตรงกับการศึกษาที่เราได้สนใจในเรื่องประเด็นสารในตัวกัญชาหรือกัญชงทั้ง 2 ตัว ไม่ว่าจะเป็น THC และ CBD ดังกล่าวว่าเราสามารถจะใช้ประโยชน์ตัวไหนมากกว่ากันและพอเราศึกษาเราได้ทราบแล้วว่าสาร CBD มันมีข้อดีมากและมันสามารถออกฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดอาการคันในร่างกายได้ แต่เราก็พบว่าสาร CBD ไม่ได้มีอยู่แค่ในกัญชงหรือกัญชาเท่านั้น แต่ยังมีในพืชชนิดอื่นด้วย อาทิ ส้ม มะนาว น้อยหน่า เป็นต้น แต่มีในปริมาณต่ำมาก ๆ ถ้าเทียบกับในกัญชงหรือกัญชา และกว่าจะสกัดออกมาได้มันต้องใช้พวกเครื่องมือในการสกัดค่อนข้างเยอะจึงทำให้จึงมีราคาค่อนข้างสูงถ้าเราจะนำเข้าสาร CBD มาจากต่างประเทศทั้งหมด ดังนั้น พอเราเห็นว่าประเทศไทยได้เปิดโอกาสนำร่องในการให้ประเทศไทยปลูกและนำกัญชงมาสกัดใช้ทำประโยชน์ได้ อย่างถูกกฎหมาย เราจึงมองว่าเราก็ไม่ควรพลาดที่จะลงมาเล่นตลาดนี้เช่นกัน
ผู้บริหารกล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทเราได้มีการเดินเรื่องการขออนุญาตปลูก สกัด และขอจัดจำหน่ายกัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นการดำเนินการคาดว่าทุกอย่างน่าจะอนุมัติแล้วเสร็จประมาณกลางปีนี้ ที่เราจะสามารถนำสารสกัด CBD ในต้นกัญชงมาใช้เป็นส่วนผสมในสินค้าเพื่อเตรียมผลิตสินค้าในตัวต่อไปของแบรนด์ ดร.เจล ในทุกไลน์โปรดักใหม่ที่เราวางแผนจะออกปีนี้ที่มีส่วนผสมของสารสกัด CBD จากในกัญชง อาทิ อาหารเสริม คาดว่าจะเป็นเพื่อการดูแลรูปร่าง ส่วนสกินแคร์ จะเป็นในส่วนเรื่องของการดูแลเส้นผมจากหงอกทำให้ดำได้ โดยมีสารสกัดดังกล่าว เป็นต้น
“เราได้ทำการเตรียมงบลงทุนกว่า หลายล้านบาท ในการเตรียมพื้นที่จำนวน 4 ไร่ ไว้ที่จังหวัดนครปฐมเพื่อทำการปลูกกัญชงตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำหลังจากที่คาดว่ากลางปีนี้เราจะได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว โดยในขั้นต้นเรายังไม่สามารถบอกได้ว่าปลูกมาจะได้ผลผลิตเท่าไหร่ เพราะมันขึ้นอยู่หลายปัจจัยในการเพาะปลูก แต่เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างมาก เพราะตลาดของสารสกัด CBD ทั่วโลกปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 2 หมื่น 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และประเทศที่ได้รับอนุญาติเยอะมากสุดคือประเทศแถบยุโรป แต่ในแถบเออีซี บ้านเรายังไม่มีการให้อนุญาติที่ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งคาดว่าจะมีประเทศไทยเป็นประเทศแรกในแถบเออีซี ดังนั้นตลาดดังกล่าวจึงเป็นตลาดที่มีโอกาสและน่าสนใจมากในขณะนี้ เพราะถ้าใครไม่ลงมาเล่นตลาดนี้ในตอนนี้จะตกกระแสได้ ดังนั้นเราจึงต้องรีบลงมาลุยตลาดนี้ในช่วงที่มันกำลังบูม”
นาย ปัณณวิชญ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุผลข้างต้นไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่มาจ้างเราทำโออีเอม (รับจ้างผลิต) ที่มีจำนวนมากขึ้น ประกอบการการที่เราได้แผลนจะออกสินค้าภายใต้แบรนด์เราเองอีกมากกว่า 10 รายการ พร้อมทั้งจะเข้าไปลุยในตลาดกัญชงและกัญชา ด้วยการนำเอาสารสกัด CBD มาทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เราจึงได้ทุ่มงบในปีนี้อีกราว 60 ล้านบาท ขยายโรงงานเพิ่มอีก 3 โรงผลิต ในพื้นที่โรงงานเดิมที่มีจนตอนนี้เต็มพื้นที่หมดแล้ว เพื่อรองรับกำลังการผลิตโออีเอมที่โตเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี และรองรับการขยายธุรกิจผลิตสารสกัดจากกัญชงในอนาคตอีกด้วย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดกลางปีนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี