การสำรวจความคิดเห็นของมืออาชีพด้านเครือข่ายองค์กรมากกว่า 1,300 ราย ในรายงานอุตสาหกรรมเครือข่ายระดับโลกปี 2565 (2022 Global Network Report) ฉบับใหม่ของ NTT เผยให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย เพื่อให้เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ
● 70% ของซีอีโอทั่วโลกยอมรับว่าระดับความสมบูรณ์ของเครือข่ายหรือ networkmaturity ขององค์กรตัวเองมีผลกระทบด้านลบต่อการดำเนินธุรกิจ
● องค์กร 72% ในกลุ่มธุรกิจระดับ Top ที่ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้ตัดสินใจว่าจ้างหรือเอาท์ซอร์สงานด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายออกไปแล้วเกินครึ่งหนึ่ง
● 4 แนวโน้มหลักที่ผลักดันให้องค์กรหันมายกระดับความทันสมัยของเครือข่ายสื่อสารข้อมูล ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ แพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟ การใช้เครือข่าย 5G ส่วนตัวหรือ Private 5G และการทำงานแบบไฮบริด
● 94% ของผู้นำองค์กรธุรกิจกำลังเพิ่มการมองหาผู้ให้บริการด้านแมเนจเซอร์วิสหรือ Managed Service Provider แบบครบวงจร เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญรายเดียวมากขึ้น
21ตุลาคม2022 (กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย) – เอ็นทีที (NTT Ltd.,)บริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและบริการไอทีชั้นนำระดับโลกเปิดเผยรายงานผลการศึกษาด้านเครือข่ายทั่วโลกประจำปี2565หรือ2022 Global Network Report พบว่าซีอีโอกว่า70%เชื่อว่าระดับความสมบูรณ์ของเน็ตเวิร์กที่ใช้อยู่นั้นส่งผลกระทบในทางลบต่อการส่งมอบทางธุรกิจหรือbusiness delivery โดยมองว่าภาวะที่สภาพแวดล้อมการทำงานถูกปรับเป็นแบบไฮบริดและกระจายตัวบนอุปกรณ์ซึ่งต้องเชื่อมต่อกันหลายเครื่องนั้นกำลังขยายตัวจนครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรซึ่งแม้จะพยายามทุ่มเงินลงทุนไปแล้วแต่มีธุรกิจเพียง2ใน5เท่านั้นที่มองว่ามีความพอใจสูงกับขีดความสามารถของเน็ตเวิร์กที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันสถิตินี้สะท้อนถึงการเกิดขึ้นของศักราชใหม่แห่งการปรับเครือข่ายให้ทันสมัย (ผู้บริหารมากกว่า90%เชื่อว่ามีผลอย่างมากต่อการส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต) และการสนับสนุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือAIOps (มากกว่า91%)
สภาพแวดล้อมไฮบริดต้องปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรมเครือข่ายในปัจจุบันเนื่องจากรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่กระจายศูนย์นั้นมีโอกาสถูกผู้ไม่ประสงค์ดีโจมตีมากขึ้นปรากฏการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้องค์กรต่างๆเริ่มปรับรูปแบบการทำงานให้รวมศูนย์มากขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนไปใช้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์รวมถึงเปิดใช้บริการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยที่ปลายทางหรือmanaged endpoint security model ตลอดจนตัดสินใจเพิ่มการลงทุนให้เครือข่ายมีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มข้นขึ้นโดยผู้นำธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าภัยคุกคามใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้นจะเป็นแรงดันให้องค์กรต้องการเครือข่ายที่มีความปลอดภัยมากขึ้นทำให้ต้องมีการควบคุมและการตรวจสอบการเข้าถึงเน็ตเวิร์กในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น (93%)
การยกระดับเน็ตเวิร์กสู่รูปแบบบริการ
การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรมเครือข่ายในปัจจุบันเนื่องจากรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่กระจายศูนย์นั้นมีโอกาสถูกผู้ไม่ประสงค์ดีโจมตีมากขึ้นปรากฏการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้องค์กรต่างๆเริ่มปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานไปใช้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ที่รวมศูนย์มากขึ้นควบคู่ไปกับบริการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยที่ปลายทางหรือmanaged endpoint security ตลอดจนตัดสินใจเพิ่มการลงทุนให้เครือข่ายมีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มข้นขึ้นโดยผู้นำธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าภัยคุกคามใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้นจะเป็นแรงผลักดันให้องค์กรต้องการเครือข่ายที่มีความปลอดภัยมากขึ้นทำให้ต้องมีการควบคุมและการตรวจสอบการเข้าถึงเน็ตเวิร์กในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น (93%)
รายงานล่าสุดพบว่าหากไม่คำนึงถึงต้นทุนกลุ่มตัวอย่างจะมองข้อกังวลสูงสุดที่ความปลอดภัยความทันสมัยและการเข้าถึงบริการได้เต็มรูปแบบจากผู้ให้บริการโดยหากพิจารณาในแง่ของการจัดการเครือข่ายพบว่าผู้บริหารระดับสูงมากกว่า90%ตัดสินใจเลือกเครือข่ายที่อยู่ในรูปแบบบริการเนื่องจากมีข้อได้เปรียบมากเรื่องความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่มหรือลดขนาดนอกจากนี้ความซับซ้อนในการปรับใช้AIOps และโซลูชันระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพยังมีส่วนทำให้โมเดลบริการเน็ตเวิร์กมีความน่าสนใจมากขึ้นเพราะAIOps นั้นช่วยให้เน็ตเวิร์กดำเนินงานต่อเนื่องได้ง่ายขึ้นแต่มีความซับซ้อนในการกำหนดค่าในขั้นต้น
อามิตธิงรา (Amit Dhingra) รองประธานบริหารฝ่ายบริการเครือข่ายบริษัทNTT Ltd.กล่าวว่า “ระดับของการลงทุนในเครือข่ายได้ขยับตัวสูงขึ้นพร้อมกับผลการวิจัยนี้ที่แสดงให้เห็นว่าหลายองค์กรต่างหันไปหาพันธมิตรและโซลูชั่นบริการแมเนจเซอร์วิสเพื่อให้ได้บริการตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้โดยมีจุดประสงค์หลักในการเพิ่มความปลอดภัยและเข้าถึงทักษะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กรได้ทั้งในแง่ความสามารถและการเร่งพัฒนานวัตกรรม”
คุณอสมิตกล่าวสรุปว่า “แม้เราทุกคนจะกำลังอยู่ท่ามกลางยุคแห่งความทันสมัยของบริการเครือข่ายแต่โซลูชันจำนวนมากที่ยังไม่ถูกใช้งานแพร่หลายอาจจะกลายเป็นมาตรฐานขึ้นมาภายในเวลาเพียง2ปีก็ได้ดังนั้นองค์กรจึงควรหันมาพัฒนาเครือข่ายในรูปแบบบริการแทนโดยหากต้องเลือกผู้ให้บริการเครือข่ายสักรายธุรกิจควรพิจารณาถึงความปลอดภัย, ทักษะความสามารถ, ความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่มหรือลดขนาด, การรองรับPrivate 5G และการมีเครือข่ายที่จัดการได้ด้วยซอฟต์แวร์ซึ่งในระยะยาวเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน (blockchain), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติอื่น, เทคโนโลยีAR และVR, เครือข่ายควอนตัม, เทคโนโลยี6G และการประมวลผลแบบโฟโตนิก (photonic computing) ล้วนมีผลต่อการทำงานของเครือข่ายในอนาคต”
คริสบาร์นาร์ด (Chris Barnard) รองประธานบริษัทไอดีซีหรือInternational Data Corporationให้ความเห็นว่า "การทำงานวิถีใหม่ได้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทำให้องค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงตระหนักถึงคุณค่าของการลงทุนในเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์เช่นเครือข่ายหลักขององค์กร, เทคโนโลยี5G, เอดจ์ (edge) และปัญญาประดิษฐ์ดังนั้นองค์กรต่างๆจึงมุ่งปรับปรุงเครือข่ายองค์กรของตนให้ทันสมัยซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานและจัดการเครือข่ายที่สนับสนุนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการจากบริการและแอปพลิเคชันดิจิทัลเกิดใหม่ได้ดีขึ้นโดยสถานประกอบการที่ไม่ได้ลงทุนอาจต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงได้รับผลกระทบต่อโอกาสในการเติบโตและเนื่องจากเครือข่ายมีบทบาทเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลหรือการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันรวมถึงการทำงานและการประมวลผลแบบกระจายไอดีซีจึงประเมินว่าจะได้เห็นการอัปเกรดเครือข่ายขององค์กรมากขึ้นให้สามารถรองรับเทคโนโลยีเช่นAI และระบบการป้องกันความปลอดภัยที่ได้ถูกนำไปใช้กับเน็ตเวิร์กองค์กรอย่างแพร่หลายในระดับเมนสตรีมแล้วซึ่งแม้ว่าจะดูซับซ้อนแต่ผู้ให้บริการเช่นNTT ก็สามารถพัฒนาทางเลือกที่ปรับใช้ได้ยืดหยุ่นซึ่งสามารถขับเคลื่อนมูลค่าทางธุรกิจได้”
ในภาพรวมรายงานนี้ได้สรุปข้อพิจารณารวม7 ประการสำหรับผู้บริหารเพื่อการพัฒนาและป้องกันเครือข่ายขององค์กรในอนาคตผู้สนใจสามารถอ่านรายงาน2022 Global Network Report ฉบับเต็มได้ที่นี่
นอกจากการเปิดตัวรายงานฉบับใหม่บริษัทNTT จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวอร์ชวลซัมมิทAPAC iNTTerconnectedในหัวข้อ“Enable the connected future through smarter networks”หรือ “เปิดทางสู่อนาคตแห่งการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดกว่า”ในวันอังคารที่8 พฤศจิกายน2565 เวลา12:00-13:30 น.ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำรวจที่สำคัญของรายงานนี้พร้อมกับทำความเข้าใจสาเหตุที่สถาปัตยกรรมเครือข่ายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กรรวมถึงวิธีที่ผู้นำองค์กรจะสามารถใช้ประโยชน์จากบริการเครือข่ายหรือNetwork as a Service เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่นี่
NTT Ltd. ถือเป็นผู้นำในตารางผู้ให้บริการเครือข่ายองค์กรยอดเยี่ยมระดับโลกของการ์ทเนอร์ (Gartner Magic Quadrant for Enterprise Network Services, Global) โดยอยู่ในตำแหน่งสูงสุดสำหรับด้าน "ความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์" และด้าน "ความสามารถในการดำเนินการ" เมื่อเทียบกับกล่มผู้ให้บริการเครือข่ายรวม18 ราย
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี