ไวท์ ยูนิคอร์น (White Unicorn) บริษัทที่ปรึกษาเพื่อให้เกิดการระดมทุน และแพลตฟอร์มระดมทุนเชื่อมโยงนักลงทุน กองทุนเอกชน และผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพเติบโตและพร้อมเพิ่มเงินทุนในตลาดหุ้น มุ่งเปลี่ยนทัศนคติเพิ่มทุนของธุรกิจเอสเอ็มอีจาก “กู้แบงก์” เป็น “ระดมทุน” รับรู้แนวทางการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้ โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเตรียมตัวรับการลงทุน และเพื่อการควบรวมกิจการทั้งยังจัดตั้ง Unicorn x Academyพัฒนาหลักสูตรร่วมกับเอแบค เพื่อปรับแนวคิดเตรียมความพร้อมดึงดูดนักลงทุน พร้อมเล็งอีคอมเมิร์ส และกลุ่มธุรกิจที่กำลังจะเข้าตลาด Maiคาดเงินลงทุนผ่านกองทุนอยู่ที่ 200-500 ล้านบาท ตั้งเป้ารวบรวมให้ได้เฉลี่ยปีละพันล้านบาท หวังพัฒนาคนเอสเอ็มอีได้ปีละกว่า 300 คนคัดสรรเดอะสตาร์5% ที่พร้อมเข้าไปลงทุนทันที พร้อมเป็นกำลังสำคัญผลักดันให้SMEsไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง
ดร.จิตรกร ลากุล รองประธาน บริษัท ไวท์ยูนิคอร์น จำกัด เปิดเผยว่า ไวท์ ยูนิคอร์น เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุน กองทุนเอกชน โดยมีการจัดตั้งกองทุนเอกชน พร้อมร่วมมือกับนักลงทุนและผู้ประกอบการหรืออุตสาหกรรม SMEsที่มีศักยภาพในการเติบโตและพร้อมที่จะเพิ่มเงินทุนในตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มการเติบโตมากกว่า 10 เท่า โดยจะเข้ามาช่วยเสริมสร้างฐานของธุรกิจให้แข็งแกร่งและยั่งยืน โดดเด่นด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เข้าใจระบบการเงินการลงทุนในตลาดระดมทุนระดับชาติ เป็นนักวางกลยุทธ์เรื่องการระดมทุน และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการบัญชีเพื่อการระดมทุน เชี่ยวชาญปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูกิจการ ทำแผนธุรกิจเพื่อแก้หนี้ หรือระดมทุนเพื่อแก้หนี้ วางระบบทางบัญชีได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บริษัทเกิดมูลค่าและมีความน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน
การเข้ามาของ ไวท์ ยูนิคอร์น เพื่อสนับสนุนด้านการลงทุนให้กับเอสเอ็มอีนั้น เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตธุรกิจ SMEsในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 3-4 ล้านราย แต่ยังขาดความเข้าใจในหลักการระดมทุนหรือการเงินเพื่อพัฒนาธุรกิจของตนในหลายๆ ด้าน ทั้งที่มีผู้ประกอบการที่มีไอเดียธุรกิจดีๆ แล้วต้องการแหล่งทุนจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างก็สนใจจะลงทุนในธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว แต่กลับพบอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ เช่น ไม่สามารถหาเอสเอ็มอีที่แข็งแกร่งพร้อมให้ลงทุนได้ ส่วนเอสเอ็มอีเองก็ไม่รู้ว่านักลงทุนต้องการอะไร
นอกจากนั้นยังพบว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนด้วยการกู้ แต่เอสเอ็มอีไทยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งกู้ไม่มากนักซ้ำยังเจอปัญหาไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่หากจะเลือกกู้แบบ Personal Loan ก็ต้องเจอพิษดอกเบี้ยสูงจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วยังมี Investment Bank ที่พร้อมจะพิจารณากิจการต่างๆ แล้วพัฒนาเพื่อให้เกิดการลงทุนกับบริษัทเหล่านั้นได้ ไม่ใช่มีเพียง Commercial Bank เท่านั้น
“ปัญหาสำคัญคือเรายังขาดความรู้ เพราะไม่ได้ถูกสอนให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงยังรู้ว่าจะมีวิธีการหาทุนอย่างไรโดยไม่ก่อหนี้ เราถูกสอนให้มองแค่สร้างกำไร แต่ความจริงแล้วการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจด้วยBusiness Model ที่ดี มีคุณค่าทางธุรกิจ ทำให้เติบโตยั่งยืน สามารถนำสิ่งนี้ไปเสนอต่อนักลงทุน ทำให้เขาสนใจและกล้าลงทุนได้ นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้ ไวท์ ยูนิคอร์น นำนวัตกรรมมาใช้ในการปรับโมเดลธุรกิจ เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าการลงทุน จากเดิมที่กู้ธนาคาร มาเป็นการระดมทุนเข้ามาในสัดส่วนแทน ถึงแม้การกู้จะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็เป็นการก่อหนี้ ส่วนระดมทุนคือการก่อทุน จึงอยากกระตุ้นให้คนไทยรับรู้และผลักดันเรื่องการลงทุนในธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้นนั่นเอง”
ไวท์ ยูนิคอร์น จึงเดินหน้าอุดช่องว่างของการลงทุนในธุรกิจเอสเอ็มอี โดยทำหน้าที่เป็น 1. Platform Capital Gateway สื่อกลางระหว่างนักลงทุน และผู้ประกอบการ SMEsแนะการเตรียมตัวรับทุนหรือลงทุนจากกองทุน Holding Company หรือ Private Investor จากเครือข่ายพันธมิตรที่ต้องการลงทุนในเอสเอ็มอี พร้อมแนะนำการวางระบบการเงิน และนโยบายธุรกิจ 2. Consulting Serviceที่ปรึกษาเพื่อการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions) สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการขยายการลงทุนเพื่อให้เกิดมูลค่าตลาดที่สูงขึ้น ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ธุรกิจไทยในอนาคตอันใกล้นี้
และ 3. ก่อตั้งยูนิคอร์น เอ็กซ์ อคาเดมี่(Unicorn x Academy)โดยร่วมมือกับคณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)จัดทำหลักสูตร Drive Up For Funding สร้างหลักสูตรเพื่อเปลี่ยน Mindset และ Drive Up For Funding to IPOจะแบ่งออกเป็นระยะสั้น (1 วัน) และระยะยาว (10 วัน) พร้อมให้บริการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ต้องการหรือกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ เพื่อปรับปรุงและเตรียมทุกด้านของการระดมทุน
ดร.จิตรกร กล่าวต่อว่า ไวท์ ยูนิคอร์น กำลังมองหากลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจอย่าง อีคอมเมิร์ส และกลุ่มธุรกิจที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ Mai ซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณานั้น จะต้องเป็นบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน มีระบบบริหารจัดการภายในที่ดี เซ็ตระบบบัญชีไว้ให้พร้อม มี Mindset ที่พร้อมจะเติบโตเพื่อเข้าสู่ IPO หรือต้องการวางแผนสู่การ Exit Planพร้อมตั้งเป้าให้บริษัทเติบโตภายใน 3 ปี กำไรมากกว่า 50 ล้าน
ส่วนตั้งเป้าหมายของไวท์ ยูนิคอร์น จะมุ่งจัดตั้งกองทุนหรือ Holding Company ไว้ที่ 200-500 ล้านบาท และมุ่งหวังรวบรวมเงินกองทุนให้ได้ปีละ 1,000 ล้านบาทเพื่อเอาไปลงทุนกับกลุ่มเอสเอ็มอีและให้ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ส่วนเป้าหมายของหลักสูตร หวังที่จะพัฒนาคนเอสเอ็มอีปีละ 300 คน คัดสรรเดอะสตาร์ 15 คน หรือประมาณ 5% ที่พร้อมเข้าไปลงทุนทันที ทั้งยังเก็บรวบรวมรายชื่อบริษัทต่างๆที่เข้าร่วมหลักสูตร กลุ่มที่พัฒนาต่อได้ในระดับ A ไล่ระดับลงมา เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกช้อป
“ไวท์ ยูนิคอร์น มาเปิดช่องทาง เพิ่ม หรือขยายช่องทางในการเข้าถึงแหล่งทุนในอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่แค่สตาร์ทอัพ แต่เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นฐานรากของประเทศไทย มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ และเป็นแหล่งจ้างงาน เพื่อทำให้แกนกลางเศรษฐกิจของประเทศแข็งแรง เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะทำเพื่อช่วยเอสเอ็มอีและเศรษฐกิจไทยด้วย เราจึงต้องมีทั้งบทบาทด้านการลงทุน ที่ปรึกษา ให้การศึกษาผ่าน Unicorn x Academy เข้าไปช่วยปรับ Mindset ให้เข้าใจให้มั่นใจในธุรกิจของตัวเอง อาจเข้าไปเสริมความมั่นใจในจุดที่แข็งแรงอยู่แล้วหรือแนะนำให้ปรับเพิ่มในเรื่องการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ช่วยแมชชิ่ง หรือ M&Aให้ เป็นต้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี