เปิดทิศทางเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ของไทย กับ ดร.กุลบุตร โกเมนกุล หัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจ วิชาเอกการเงิน เทคโนโลยีการเงินและการลงทุน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อโรคา โก จำกัด ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ จาก Health Wave FM. 95.5
ในช่วงหลังโควิด-19 เป็นต้นมา จำนวนทริปเดินทางท่องเที่ยวต่อปีของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาไทยได้มียอดเติบโตขึ้นตามลำดับ แม้จะยังไม่สูงเท่าจุดเดิมก่อนโควิด แต่ก็เป็นทิศทางที่ดีขึ้นมาโดยตลอด รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมถือว่าเป็นการจุดเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ของไทย ซึ่งประเทศไทยมีรายได้จากต่างประเทศ หลักๆ3อย่าง คือ รายได้จากการส่งออก รายได้จากการท่องเที่ยว และ รายได้จากการลงทุนจากต่างประเทศ โดยในส่วนของเซกเมนต์ย่อยอย่างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทยก็มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ มากมาย และ เป็นการสร้างรายได้จากจุดแข็งที่มีอยู่ของไทยอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในผู้ประกอบการด้านนี้นั้นคือ เว็บไซด์หรือแพลตฟอร์มอโรคา โก (ArokaGO) ที่ ดร.กุลบุตร โกเมนกุล และทีมกำลังพัฒนาอยู่
ดร.กุลบุตร ได้เริ่มให้สัมภาษณ์โดยกล่าวถึง แพลตฟอร์มอโรคาโกว่า “แพลตฟอร์ม www.arokago.com นี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูล และทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในภูมิภาคนี้ ทำให้คนต่างชาติสามารถเข้าถึงข้อมูลการบริการทางการแพทย์และสุขภาพที่น่าเชื่อถือ และเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเดิมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ เติบโตได้ยาก เพราะเจออุปสรรคเรื่องการค้นหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษไม่เจอ อีกทั้งยังไม่มีการรวบรวมผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ มีการคัดกรองที่มีมาตรฐาน แพลตฟอร์มอโรคา โก มีลักษณะเป็นแหล่งรวมเนื้อหาเพื่อการตลาด (Marketing Medical Content) ของผู้ประกอบการด้านสุขภาพในไทย และ มีการเขียนข้อมูลที่เป็นสไตล์ English Native ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทางการแพทย์และสุขภาพจากทั่วโลกได้มากขึ้น”
“การที่ แพลตฟอร์มอโรคา โก รวบรวมข้อมูลและบริการทางสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อย่างครอบคลุม ทำให้มีลักษณะเป็น Hub กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อีกทั้งการเดินทางมาท่องเที่ยวแบบนี้ ยังสามารถเสริมประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแบบปกติไปพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น Medical และ Wellness Hub ของโลก แพลตฟอร์มอโรคา โก พร้อมโชว์จุดเด่นของผู้ประกอบการไทยให้เหนือคู่แข่ง”
ดร.กุลบุตร ให้ข้อมูลต่อไปว่า “ประเทศไทยนั้นมีโรงพยาบาลและคลินิกทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานสากล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในต่าง ๆ สาขา เหมาะสำหรับผู้ที่จะมาเพื่อรักษาโดยตรง นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ประเทศไทยมีคลินิกด้านความงาม สปา และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ที่น่าสนใจมากมายสำหรับการผ่อนคลายและการดูแลสุขภาพทั่วไป มีการให้บริการทางการแพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน จากผู้ให้บริการชั้นนำจำนวนมาก อย่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เองก็มี DPU Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรแห่งแรกของมหาวิทยาลัยไทยที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักศึกษาต่างชาติและครอบครัว ประเทศไทยมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่หลากหลาย เช่น โยคะ มวยไทย และการทำสมาธิ ซึ่งผู้ท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเพื่อสุขภาพและความบันเทิงผ่อนคลาย ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องพัฒนาการสื่อสารและการตลาดแบบอินเตอร์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตในตลาดนานาชาติ ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการสุขภาพ ควรปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาให้เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมอัพเดทอยู่เสมอ เนื้อหาสาระที่มีคุณภาพดีจะช่วยในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาส”
“ประเทศไทยนั้นมีโอกาสเป็นทั้งศูนย์การแพทย์ (Medical Hub) และศูนย์การพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness Hub) จุดเด่นและความพร้อมของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มีทั้งเรื่องคุณภาพของบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานสากล รวมถึง ทักษะและความเป็นมืออาชีพของแพทย์ไทย เหลือเพียงแค่การปรับปรุงด้านการสื่อสารให้เป็นแบบสากล เพียงเท่านี้ ประเทศไทยสามารถเป็นหมุดหมายการเดินทางของผู้ที่แสวงหาการดูแลสุขภาพและการแพทย์ของโลกได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี