กระแสแรงส่งท้ายปลายปี 2566....พระปิดตา รุ่น"รวยมหาเศรษฐี "ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต" พระเกจิหนุ่มนักพัฒนาแห่งวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากจำนวนสร้างแค่ 299 ลัง ยอดจองทะลุ 2,000 ลัง สุดยอดพระผงที่อัดแน่นด้วยสุดยอดมวลสาร งานพุทธศิลป์สุดสวย พิธีกรรมเข้มขลัง3 วาระ
พระภาวนารัตนญาณ วิ. หรือ "ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต" หรือ"ครูบาน้อย"หรือ"ครูบาเก่ง" พระเกจิหนุ่มนักพัฒนาแห่งวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งและเป็นศิษย์สาย “ครูบาศรีวิชัย”ยุคใหม่
ท่านถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2524 ที่บ้านปิงน้อย อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรคนสุดท้ายของโยมพ่อสุข โยมแม่จำนงค์ อุ่นต๊ะ วัยเยาว์มีผิวพรรณผุดผ่อง มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน เรียนหนังสืออยู่ในระดับดีเยี่ยม มีนิสัยรักสันโดษ ไม่ชอบเบียดเบียนสัตว์และมักนำดินเหนียวมาปั้นเป็นพระพุทธรูปทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่ จน เพื่อนๆ ล้อว่าเป็น"ตุ๊เจ้า"
ยามว่างชอบเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เนืองๆ เป็นที่มาให้ "ครูบาจันทร์ติ๊บ ญาณวิลาโส" อดีตเจ้าอาวาสวัดชัยชนะ ต.ประดู่ป่า อ.เมือง จ.ลำพูน เห็นแววว่าเป็นผู้มีบุญวาสนา สมควรสืบสานพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป จึงถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ทั้งการอ่าน เขียน อักษรล้านนาให้ ปรากฏว่าแค่เพียง 1-2 วันก็สามารถอ่าน เขียนได้คล่องแคล่ว
ครูบาจันทร์ติ๊บได้ถ่ายทอดวิชาเวทมนตร์ อาคมต่างๆ ที่ร่ำเรียนสืบทอดมาจาก"ครูบาชุ่ม โพธิโก" อดีตพระเกจิชื่อดังล้านนาและอดีตเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล (วังมุย) ให้จนหมดสิ้น ท่านสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว เขียนและจารอักขระเลขยันต์ต่างๆแทนอาจารย์ได้ต่อมาครูบาจันทร์ติ๊บชราภาพมาก การทำตะกรุดพระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ จึงตกเป็นภาระต้องทำเองแทนอาจารย์ ปรากฏว่าผู้เช่าบูชาได้รับประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอดภัยและโชคลาภ
เมื่ออายุ 14 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.5เกิดปรารถนาแรงกล้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ประกอบกับมีโอกาสไปกราบนมัสการ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ท่านเมตตาแนะนำให้บรรพชา จึงไปปรึกษาโยมพ่อโยมแม่แล้วบรรพชาเป็นสามเณรกับครูบาเทือง นาถสีโล วัดเด่นสลีเมืองแกน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จากนั้นตั้งใจศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาต่าง ๆ เพิ่มเติมจาก ครูบาอินตา วัดห้วยไซร อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และครูบาอินตา วัดวังทอง จ.ลำพูน ที่เชี่ยวชาญด้านเมตตามหานิยม จนวิชาไม่เป็นรองใครในภาคเหนือ
ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์จาก จ.น่าน นิมนต์ท่านไปขจัดปัดเป่าทุกข์โศกก็สร้างความประทับใจให้ทุกคน ได้รับขนานนามว่า “หลวงพ่อเณร” วัตถุมงคลที่ท่านเคยสร้าง เช่น ปรอท ดาบ ผู้ใช้ต่างมีประสบการณ์ “หนังเหนียว” ยิ่งสร้างชื่อเสียงให้ท่านมากขึ้น
ครั้นอายุ 20 ปีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่วัดชัยมงคล (วังมุย) ต.ประดู่ป่า อ.เมือง จ.ลำพูน มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมจนญาติโยมศรัทธานิมนต์ไปจำพรรษาที่วัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งท่านอุทิศพัฒนาบูรณะพระธาตุเก่าแก่จนเจริญรุ่งเรืองทาสีขาว หุ้มทองคำเหลืองอร่ามใช้เวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น
ต่อมา ครูบาอริยชาติได้ย้ายมาสร้างวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บนดอยม่อนแสงแก้ว เลขที่ 191 หมู่ 11 บ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ในเนื้อที่ประมาณ 29 ไร่เศษตามการรับนิมนต์ของ หลวงพ่อยา ศรีทา และคณะศรัทธาชาวบ้านป่าตึง โดยถือฤกษ์ดีก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 ตรงกับเดือนแปดเป็งของล้านนาหรือตรงกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก
ส่วนที่มาของชื่อ "วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ" หมายถึง "ดอกบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำแล้วมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนแสงแก้ว" เป็นการตั้งชื่อตามนิมิตของท่านที่เห็นฝนตกหนัก ท่านเดินจากยอดดอยแต่ศิษย์ห้ามไว้บอกว่า “ไม่ต้องลงไปหรอกหมู่บ้านข้างล่างน้ำท่วมหมดแล้ว”
ท่านเห็นแสงสว่างคล้าย ๆ แสงแก้วลอยไปลอยมาหลายดวง เข้าไปดูใกล้ๆ พบชาวบ้านถือดวงไฟส่องทาง จึงเดินกลับขึ้นดอยระหว่างทางตกหลุมโคลนพบลูกแก้วแสงสว่างเรืองรองสวยงาม แต่ท่านมิได้สนใจโยนทิ้งไปกลับกลายเป็นดอกบัวผุดขึ้นมากมายส่องแสงเรืองรองทั่วบริเวณ ท่านนำนิมิตไปเล่าให้หลวงพ่อยา ศรีทาและคณะศรัทธาฟัง จึงตั้งชื่อว่า “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” แต่พอขออนุญาตสร้างวัดต่อกรมการศาสนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ประทานนามใหม่เป็น “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ”
ปีพ.ศ. 2554 เป็น"พระครูปลัด"ต่อมา วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ "พระภาวนารัตนญาณ"
โดยนิสัยส่วนตัว ครูบาอริยชาติ มักน้อย ถือสันโดษ ไม่ชอบสะสมสิ่งของต่าง ๆ อาหารคาวหวานฉันแต่น้อยพออิ่ม ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ๆ ใครถวายอะไร ก็ฉันอย่างนั้น เรียบง่าย ไม่เรื่องมาก
ด้วยจริยวัตรอันงดงามและยึดแนววิถีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและ เดินตามรอย “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” นักบุญแห่งล้านนาอย่างมาดมั่น จึงน่าเคารพน่าศรัทธาและน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ทุกวันนี้นักการเมือง คหบดี นักธุรกิจ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนต่างหลั่งไหลไปกราบมนัสการื่านจนแน่นขนัดวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ
ล่าสุด "ทีมพี่เสือ" นำโดย นิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ & ป้อม สกลนคร ขออนุญาตจัดสร้างพระผงปิดตา"รวยมหาเศรษฐี" ด้านหลังยันต์พญานกยูงเรียกทรัพย์ล้านนา สุดยอดพระผงที่อัดแน่นด้วยสุดยอดมวลสาร งานพุทธศิลป์สุดสวย พิธีกรรมเข้มขลัง โดยท่านเมตตาจารลงอักขระกำกับด้วยพระคาถาด้วยพุทธเดช ประเมินค่ามิได้ ที่ครูบามอบให้พี่เสือ พร้อมด้วยเกจิอาจารย์ต่างๆที่ท่านมอบให้มา เพื่อเป็นมหามวลสารอย่างเเท้จริง อีกทั้งยังมีผงมหาชนวนที่จัดสร้างทุกๆรุ่น ของพี่เสือที่จัดเก็บมากว่า3ปี ทั้งหลวงปู่โต๊ะ,หลวงพ่อพัฒน์,หลวงพ่อรวย,หลวงปู่อิ่ม,หลวงปู่บุดดา พร้อมผงสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จโต...
“นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ” ในฐานะผู้จัดสร้างในนามทีมพี่เสือ เปิดเผยว่า พระปิดตาพุทธศิลป์ รุ่น"รวยมหาเศรษฐี" ประกอบ3พิธีกรรมเข้มขลัง วาระที่1 วันที่ 19 ก.ย. 2566 วาระที่2 วันที่31 ต.ค.2566 ครูบาอธิษฐานจิตนำฤกษ์ที่วัดเเสงเเก้วโพธิญาณ เเละวาระที่3 กำหนดพิธีพุทธาภิเษก ในวันที่11 พ.ย.2566 นี้ ณ วัดเเสงแก้วโพธิญาณ เวลาประมาณ 15.00 น. หลังเสร็จพิธี รับพระเเจกเเละรับพระกลับได้เลย
"พี่เสือสร้าง ไว้ใจได้ ทุกๆงานถ้าพี่เสือสร้าง วาระเเละพิธีการ ไม่เคยขาด เเละการเตรียมงานความพร้อม ต้องชัดเจน งานสร้างรุ่นนี้ใช้เวลาเตรียมการกว่า1ปีเพื่อศิษยานุศิษย์และพี่ๆน้องๆ ที่อยากร่วมบุญให้ได้รับบุญพร้อมวัตถุมงคลที่ดีๆเพื่อความเป็นสิริมงคล อย่างแท้จริง" นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ” กล่าว
ในขณะที่"ป้อม สกลนคร" บอกว่า การสร้างพระของทีมพี่เสือ ให้ความสำคัญทุกรายละเอียด ที่พิเศษในรุ่นนี้พระครูบาท่านเมตตาจริงๆ ทั้งผสมมวลสารชั้นครูมากมาย สร้างตามตำรา ตำทีละครก ปั๊มทีละองค์ พร้อมสวดลงพระคาถาให้ ซึ่งยุคนี้หาพระที่ทำตามพิธีแบบนี้ได้ยากยิ่ง
"ผมนี้จะขึ้นคอชัวร์ ขลังๆคมๆแบบนี้ พระผงแท้ๆ ใส่ให้สุด ถ้าจะนับมูลค่ามวลสาร ผมว่าทะลุ7หลัก เเน่นอน" ป้อม สกลนคร กล่าว
สำหรับผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวการจัดสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นทุกพระเกจิของ “ทีมพี่เสือ” ได้ที่…https://www.facebook.com/groups/1242269399567579/?ref=share_group_link
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี