นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันนี้ (28 ก.พ.67) พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รองศาสตราจารย์ ดร.ไพลวรรณ สัทธานนท์ คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ การวิจัย การบริการวิชาการ และการพัฒนากีฬาเรือใบ ระหว่างสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ อาคารราชนาวิกสภากองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

โดยมี พลเรือเอก ธานี ผุดผาด อุปนายกสมาคม ฯ พลเรือตรี ภาณุพันธุ์ ทรัพย์ประเสริฐ เลขาธิการสมาคมฯ อาจารย์ ดร.พัชรมน รักษพลเดช  รักษาการหัวหน้าสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาฯ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดจน คณะผู้บริหารสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่ง ฯ  และ คณะผู้บริหารคณะสหเวชศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับการลงนาม ความเข้าใจ และบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ในครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนากีฬาเรือใบไปสู่ความเป็นเลิศ และให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ทั้งนี้ที่ผ่านมา นักกีฬาเรือใบสามารถสร้างผลงานระดับนานาชาติได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่กีฬาเรือใบให้กับเยาวชนตลอดจนประชาชนชาวไทยได้รู้จักและเข้าถึงกีฬาเรือใบได้มากขึ้น พร้อมสร้างโอกาสให้ นักกีฬารุ่นใหม่ เข้าร่วมเป็นนักกีฬาทีมชาติอย่างต่อเนื่อง และจะพัฒนาศักยภาพนักกีฬาเรือใบให้ประสบ ความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ในรายการแข่งขันระดับนานาชาติและระดับโลก ที่ผ่านมาสมาคมฯสามารถสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา สามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ทั้ง 5 ประเภท 

ประกอบด้วย 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง และในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นักกีฬาเรือใบทีมชาติไทย สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 2 เหรียญทอง และล่าสุดจากรายการ Asian Sailing Championships & Asian Continental Olympic Qualifier for Paris 2024 Olympic Games ซึ่งจัดการแข่งขันเมื่อเดือน ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ สมาคมสโมสรราชวรุณฯ จังหวัดชลบุรี นักกีฬาเรือใบทีมชาติไทย สามารถผ่านการแข่งขันคัดเลือก ได้ที่นั่งไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก จำนวน 2 ที่นั่ง