“การนำและการบริหารของรัฐมนตรี” ปาฐกถาพิเศษ จากประสบการณ์จริง โดย ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีต รมว.อว. จัดโดย คณะรัฐประศาสนศาสตร์ DPU
คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดโครงการปาฐกถาพิเศษประจำปี 2567 ถ่ายทอดประสบการณ์จริง ในเรื่อง “การนำและการบริหารของรัฐมนตรี” โดย ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้กล่าวปาฐกถา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมไสว สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นำกล่าวถึงวัตถุประสงค์และที่มาโครงการ และ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวต้อนรับพร้อมกับเปิดงานในครั้งนี้
อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้กล่าวเปิดงานแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้มีโอกาสรับฟังประสบการณ์อันยาวนานของ ดร.เอนก ซึ่งเป็นบุคคลที่เคารพนับถือและติดตามผลงานการทำงานมาโดยตลอด โดยได้มีโอกาสร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดในฐานะบุคลากรทางการศึกษา ในช่วงที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งตรงกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับวงการศึกษาประเทศไทย ถึงกระนั้นท่านก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการ และ ยังสามารถพัฒนาวงการศึกษา ให้ผ่านไปได้ด้วย “ความมุ่งมั่น” และ “วิสัยทัศน์”
เช่น สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์และนักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับสถานการณ์ และสามารถจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาให้กับบุคลากรทางการศึกษาทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เพื่อให้การเปิดภาคการศึกษาเป็นไปได้อย่างปลอดภัย โครงการ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล ที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากพร้อมกับนำความรู้สู่ชุมชน หรือ การยอมรับผลงานวิชาการอื่นๆ นอกเหนือจากวิทยานิพนธ์ในการขอตำแหน่งทางวิชาการ
“สิ่งที่ประทับใจเป็นอย่างยิ่งคือ โครงการ Credit Bank การที่ท่านได้ปลดล็อกกฎระเบียบเกี่ยวกับการเรียนโดยอนุญาตให้นักศึกษาเก็บหน่วยกิตไว้ได้ ลดข้อจำกัดด้านระยะเวลาเรียน หรือ การต้องโดนรีไทร์ ซึ่งส่งเสริมในเรื่องของ Lifelong Learning จริงๆ นอกจากนี้ท่านยังทำโครงการดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย”
“ใน 3 ปี นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านที่เราสัมผัสได้ ดร.เอนก ท่านเป็นรัฐมนตรีที่ทำอะไรมากมายเหลือเกินให้กับพวกเรา พวกเราโชคดีมากที่จะได้มารับฟังประสบการณ์ส่วนอื่นของท่านในวันนี้” ดร.ดาริกากล่าวปิดท้ายด้วยความชื่นชม
สำหรับการปาฐกถาเรื่อง “การนำและการบริหารของรัฐมนตรี” โดย ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ท่านได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงในการบริหารกระทรวงตั้งแต่วันแรก รวมถึงการผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ลุล่วงตามเป้าประสงค์ ซึ่งเต็มไปด้วยแนวคิดที่น่าสนใจ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาและการบริหารจัดการ ที่เน้นการสร้างเอกภาพ
ดร.เอนก เล่าว่า ด้วยความที่กระทรวงมีหน่วยงานในสังกัดเป็นจำนวนมากนับหลัก 100 กรม ขณะที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกกว่า 200,000 คน “ก้าวแรก” ภายใต้การนำของ ดร.เอนก คือ “การสร้างเอกภาพ” โดยการจัดหลักสูตรพิเศษเพื่อก่อให้เกิดความสามัคคีในวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ยังทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยมีทริคคือ การดึงเหล่าหมายเลข 1 ของแต่ละหน่วยเข้ามาเรียนด้วยกัน และ ห้ามจัดสอนเป็นคลาสแล้วบังคับคนเข้ามาเรียน ห้ามทำเอกสารวิจัย เพราะคนเข้ามาเรียนไม่มีเวลาและไม่มีใครทำเอง
“พอได้เรียนโดยเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยกัน 4-5 ครั้ง แล้วไปเจอปัญหาต่างๆ ที่เป็นจริง มันก็เกิด Mindset การช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหา? กันอย่างไร” ดร.เอนก กล่าว
นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่พลิกเอาปัญหาให้เป็นโอกาส เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากมุมมองของเราด้วย ความสนุกของเราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคข้อมูลท่วมท้น การมีเพียงข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) ไม่เพียงพอ เราต้องมีมุมมองที่กว้างไกล (Big Perspective) เพื่อนำข้อมูลมาตีความและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และซึ่งการฝึกให้เห็นโอกาสตั้งแต่เด็กจะช่วยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องเปลี่ยนแปลง Mindset ประเทศไทยมีสิ่งที่ดีอยู่มากมาย เช่น GISTDA ที่ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมพัฒนาการเกษตรและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของคนไทยในการแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤต แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่คนไทยก็สามารถร่วมมือกันคิดค้น และจัดการวัคซีนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว การจุดประกายความหวังและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน เป้าหมายเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
“สังคมไทยเข้มแข็งไม่ใช่อ่อนแอ เหมือนที่นักวิชาการจำนวนหนึ่งชอบพูด มันมีทั้งอ่อนแอและเข้มแข็ง แต่ผมเป็นนักวิชาการที่ชอบเห็นเรื่องดี ไม่ชอบเห็นเรื่องไม่ดี เพราะเห็นแล้วแต่ก็ไม่รู้จะมาพูดทำไมเราทำเรื่องดีๆ กว่า พอทำเรื่องดีได้ เรื่องที่ไม่ดีมันก็จะถูกแก้ไขในตัวมันเอง ปัญหาส่วนใหญ่มันแก้ไขในตัวมันเองทั้งนั้น”
อีกทั้งยังต้องไม่ห่วงภาพลักษณ์ รู้จักเรียงลำดับความสำคัญ มีความเฉียบขาด ต้องเป็นนักยืดหยุ่น พร้อมกับ นักเปิดให้โอกาส เช่น โครงการหลักสูตร Sandbox เรียน 3 ปี ลดระยะเวลาการศึกษาและเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงเป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการปฏิรูปการศึกษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมสำหรับตลาดแรงงานมากยิ่งขึ้น การให้คณาจารย์อุดมศึกษาขอตำแหน่งทางวิชาการได้โดยไม่ต้องใช้ตำราหรืองานวิจัย แต่ให้ใช้ผลงานที่ทำเพื่อรับใช้ท้องถิ่นและสังคม จะช่วยให้ประเทศมีกำลังคนที่มีคุณภาพเพียงพอในการขับเคลื่อนและนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า
“การศึกษาวิชาความรู้ที่เป็นอะไรใหม่ๆ ล้วนสอดคล้องกับยุคสมัย บางคนจะศึกษาวิชาพื้นฐานวรรณคดี ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ก็ได้ เพราะเป็นรากฐานของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ไม่ได้มีแต่ปัจจุบัน มนุษย์มีอดีตและอดีตทำให้คนรู้อนาคต ทำให้เราตีความสิ่งต่างๆ ได้ดีมากขึ้น และสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง”
“อย่ารีบตัดสินใจ ว่า อะไรผิดอะไรถูก” ดร.เอนก กล่าวย้ำ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ความคิดของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและประสบการณ์ เมื่อเรายังเด็กอาจคิดว่าตนเองเก่งกาจ และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่เมื่อเติบโตขึ้นและเผชิญกับโลกแห่งความจริงจะค่อยๆ สอนให้เรียนรู้ที่จะถ่อมตนและยอมรับข้อจำกัดของตนเอง
ประสบการณ์ชีวิตจะสอนให้เราเข้าใจความซับซ้อนของโลกและความแตกต่างของมุมมองในแต่ละวัย การยึดติดกับความคิดในวัยใดวัยหนึ่งอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต
ดังนั้น แทนที่จะพยายามเป็นเพียงแค่ 'คนรุ่นใหม่' เราควรเปิดใจรับฟังมุมมองของคนรุ่นอื่นๆ และเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก การใช้ชีวิตอย่างสมดุลทั้งการทำงาน การพักผ่อน และการดูแลสุขภาพจิตใจ จะช่วยให้เรามีศักยภาพที่ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี