ต่อยอดความเย็นเหลือทิ้งจากก๊าซธรรมชาติเหลว สู่นวัตกรรมการผลิตพืชเมืองหนาว
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2567 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการการผลิตพืชเมืองหนาว จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งของสถานี รับ-จ่าย ก๊าซธรรมชาติเหลว เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่าการลงนามความร่วมมือครั้งนี้เป็นฉบับที่ 3 ที่สำนักงาน กปร. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด โดยในครั้งนี้เป็นการพัฒนานำความเย็นเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลวในสถานี รับ-จ่าย มาใช้ในการปลูกไม้ดอกและพืชเมืองหนาว เพื่อพัฒนาต้นแบบการผลิตพืชที่มีศักยภาพสูงในรูปแบบSmart Farming โดยไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาแสดงในงานนี้ คือ ทิวลิปที่ปลูกได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และที่แรกในอาเซียน ซึ่งในอนาคตมีการววางแผนขยายผลสู่เกษตรกร และภาคเอกชนเพื่อพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป
“นอกจากขยายผลการศึกษาวิจัยทดลองพืชเมืองหนาวไปยังภาคเกษตรในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ แล้ว ในส่วนของพื้นที่สูงได้ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดเตรียมพื้นที่ปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาวตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 5 แห่ง คาดว่าในอนาคตจะมีไม้ดอกเมืองหนาวเป็นพืชเศรษฐกิจที่ไม่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่มชนิดมากขึ้น” นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว
ด้านศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า ความร่วมมือระหว่างศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ และคณะเกษตรศาสตร์ โดยสถาบันวิจัยพืชศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ร่วมวิจัยในครั้งนี้ประสบความสำเร็จในพัฒนาการปลูกพืชเมืองหนาวหลายชนิดและกำลังขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่
“โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและเพิ่มช่องทางการตลาดให้มีตัวเลือกมากขึ้น เช่น ทิวลิป ไม้ดอกไม้ประดับที่ตลาดมีความต้องการสูง ก็จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้มาก” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล กล่าว
ขณะที่นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้กล่าวว่า การลงนามในข้อตกลงครั้งที่ 3 นี้เป็นการต่อยอดจากครั้งที่ 1 และ 2 และตลอดมาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายด้วยดี
“ส่วนในครั้งนี้มีเป้าหมายจะผลิตดอกทิวลิปให้มากถึง 6 ล้านดอกต่อปี พร้อมการขยายการตลาดในประเทศให้มากขึ้น และจะดำเนินโครงการควบคู่กับการพัฒนาต่อยอดพืชเมืองหนาว และผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กันด้วย” นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กล่าว
สำหรับการลงนามใน MOU นี้เป็นการพัฒนานำพลังงานความเย็นที่ได้จากกระบวนการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG ) ที่ถูกแปรสภาพโดยการลดอุณหภูมิเหลือ -160°C โดยความเย็นที่ได้จากกระบวนการแปรสภาพของก๊าซธรรมชาติเหลวจะถูกนำมาใช้ในระบบการผลิตไม้ดอกและพืชเมืองหนาว โดยพัฒนาต้นแบบการผลิตพืชที่มีศักยภาพสูงในรูปแบบSmart Farming ต่อยอดการเกษตรนวัตกรรมในพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ยกระดับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG สนับสนุนการพัฒนาประเทศในด้านสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
โดยผลการวิจัย ในระยะที่ 1 ตั้งแต่ ปี 2560 - 2562 สามารถปลูกไม้ดอกเมืองหนาวจนประสบผลสำเร็จ 3 ชนิดประกอบด้วย ทิวลิป ดารารัตน์ และ ไฮเดรนเยีย ในปี 2562 ได้จัดตั้ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการใช้พลังงานความเย็นทางการเกษตร ภายในสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 1 ใน ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อ “ศูนย์เลิศพัฒนพฤกษ์” หมายถึง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาและขยายพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ในระยะที่ 2 (พ.ศ.2563-2565) มีการต่อยอดองค์ความรู้ ประสบผลสำเร็จในการเพาะเลี้ยง
สำหรับในระยะที่ 3 ปี 2567-2570 เป็นการพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งมาใช้ในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว โดยเฉพาะการผลิตพืชเกษตรที่มีมูลค่าสูง พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ราษฎรนำไปปฎิบัติใช้ และเป็นการสืบสานตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี