มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ ที่ยึดถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการด้วยการวิจัยและนวัตกรรมที่มีชื่อเสียง ได้มีการพัฒนายกระดับยางพาราของไทยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายจนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รศ.นพ.สุนทร วงษ์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่ายางพาราอยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงได้ปักหมุดเรื่องนวัตกรรมยางพาราไว้เป็นนโยบายสำคัญ เพื่อส่งเสริมให้กับทางภาคธุรกิจในพื้นที่ของภาคใต้โดยเฉพาะทำให้สังคมเติบโตและมีเศรษฐกิจที่ดีได้จึงพยายามทุ่มเททั้งทีมนักวิจัย บุคลากรในหลายภาคส่วน รวมทั้งงบประมาณมาช่วยกันจนกระทั่งสามารถสร้างองค์ความรู้งานวิจัยสร้างกลไกในการผลักดันแล้วได้ช่วยกันทำเกี่ยวกับเรื่องของนวัตกรรมต่างๆเหล่านี้สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไปไม่ได้ นั่นคือ การนำเอาองค์ความรู้ในเรื่องงานวิจัยและนวัตกรรมยางพารา มาร่วมถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยผ่านทางคณาจารย์ นักวิจัย เพื่อที่เราจะได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับชุมชนและสังคมโดยรอบ
“จุดมุ่งหมายของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คือ เราอยากปั้นให้เกิดการเติบโตในลักษณะของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ SMEs หรือ Startupในมิติของเทคโนโลยี แต่ยังส่งเสริมไปยัง นวัตกรรมทางการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ในท้ายที่สุด สิ่งสุดท้ายที่สำคัญเมื่อผู้ประกอบการไปถึงเป้าหมายแล้ว ก็อยากให้กลับมาช่วยชุมชนในพื้นที่บ้านเกิด โดยนำเอาพื้นฐานของงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ บวกกับประสบการณ์ที่ได้ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว มาช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนบ้านเกิดของตัวเองได้เติบโตไปพร้อมกัน”
รศ.ดร.เอกวิภู กาลกรณ์สุรปราณี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่านวัตกรรมยางพารา คือการนำเอาองค์ความรู้ที่มีและสั่งสมมาในหลาย ๆ รุ่น ไปสู่การใช้ประโยชน์ให้เกิดผลกระทบขึ้นต่อเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้จริง ในทางเศรษฐกิจ เราจะต้องสร้างคุณค่าใหม่ๆ ของยางพารา เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ขณะเดียวกันการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใด ๆ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของกลุ่มเกษตรกร และเรื่องยางพาราเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากยางพารายังคงเป็นพืชเพียงชนิดเดียวที่สามารถนำมาใช้สร้างทดแทนวัสดุจากการสังเคราะห์ของปิโตรเลียมได้ ซึ่งจะทำให้สิ่งแวดล้อมของเราโดยรวมดีขึ้น
“จริง ๆ แล้วหากเราแบ่งยุคของการแข่งขันเรื่องยางพาราสามารถแบ่งออกได้ 3 ห้วงอายุ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการครอบคลุมทุก ๆ มิติที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่ในอดีตที่ทุกคนมุ่งหวังในเรื่องของผลผลิตที่มีปริมาณมาก เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนกับเกษตรกรเป็นหลัก บริบทของมหาวิทยาลัยจึงต้องช่วยมุ่งเน้นการปรับปรุงพันธุ์ การส่งเสริม และการจัดการการปลูกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อมาเป็นยุคของอุตสาหกรรม ในเรื่องของอุตสาหกรรมยางพาราเรามุ่งเน้นการแปรรูปที่สามารถนำไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ถือเป็นยุคที่แข่งขันกันในเรื่องของการสร้างกำลังการผลิตจำนวนมาก บริบทของมหาวิทยาลัยในยุคนั้นจึงต้องเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการสร้างกำลังคนเข้าสู่อุตสาหกรรม และในยุคใหม่เป็นยุคที่ต้องใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน เนื่องจากยางพารามาจากฐานชีวภาพ แล้วยางพาราก็มีการใช้ทรัพยากรหรือคาร์บอนติดตัวค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับพอลิเมอร์ชนิดอื่น ในยุคนี้มหาวิทยาลัยจึงมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมทั้งด้านการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับวัสดุที่ผลิตจากยางพารา นวัตกรรมการจัดการ และนวัตกรรมการผลิต เป็นต้น”
ขณะที่ คุณณัฐวี บ้านบัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีฟินน์ รับเบอร์เทค จำกัด กล่าวด้วยว่า ตนเองเติบโตมาในครอบครัวของเกษตรกรชาวสวนยางพาราอยู่แล้ว และในฐานะศิษย์เก่า รู้สึกโชคดีและมีความภูมิใจที่ได้รับการศึกษา ปลูกฝัง และส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ คอยผลักดัน และให้การสนับสนุนเรื่อยมา โดยหวังว่าผลิตภัณฑ์ไม่เพียงแต่จะสามารถสร้างกำไรทางการค้าได้เท่านั้น แต่ยังจะมีส่วนช่วยสร้างกำไรสู่ชุมชน เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
“ในฐานะเอกชนเราคาดหวังกำไรสูงสุดในการประกอบธุรกิจอยู่แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งเราสัมผัสได้ถึงความเป็นครอบครัวชาวสวนยางพารา ประกอบกับการเป็นลูกพระบิดา ที่ถือปณิธาน “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” จึงอยากกระจายไปสู่ชุมชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ที่สำคัญเราอยากนำนวัตกรรมยางพาราที่ถูกคิดค้น และสร้างเป็นผลิตภัณฑ์โดยคนไทย เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสามารถตีตลาดในระดับโลกได้ด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี