นักศึกษา CIBA ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ต่อยอดความรู้ธุรกิจยั่งยืนจากงาน Sustainability Expo 2024 สู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อโลก
วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้นำนักศึกษาจากหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการตลาดและการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล และสาขาวิชาการจัดการ เข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน และ 2 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโลกทัศน์ด้านความยั่งยืน และส่งเสริมให้นักศึกษาได้เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อโลก
อาจารย์นิติ มุขยวงศา รองคณบดี ผู้ดูแลหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการตลาดและการสร้างแบรนด์ ให้ข้อมูลว่า งาน Sustainability Expo 2024 ถือเป็นมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน นักศึกษาทางด้านบริหารฯ ควรรู้ถึงการส่งเสริมการทำธุรกิจที่ยั่งยืนในสังคมไทย การที่นักศึกษาได้เข้าร่วมงานจึงเป็นการอัปเดตสกิลนักธุรกิจเพื่อความยั่งยืนให้นักศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นหลังไปชมงานจะมีการถอดบทเรียน เปิดพื้นที่การเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงเสนอไอเดียในสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี ซึ่งก็เป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนานักศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
และจากการที่ภายในงานมีผู้เข้าร่วมทั้งจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและ องค์กรชั้นนำต่างๆ จึงเป็นโอกาสดีที่นักศึกษายังจะได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ สัมผัสกับเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ล้ำสมัย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ รวมถึงสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมรุ่นจากหลากหลายสถาบัน เพื่อพร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้าน อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดี ผู้ดูแลหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า การนำนักศึกษาเข้าร่วมงานเป็นปีที่ 2 เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญที่มหาวิทยาลัยให้กับเรื่องความยั่งยืน โดยเฉพาะในปีนี้ที่คอนเซ็ปต์แนวคิด "พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อที่ 1 และ 8 ที่มุ่งเน้นการยุติความยากจนและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากในงาน จะช่วยให้นักศึกษาเห็นภาพรวมของธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่ความเข้าใจและการต่อยอดในการเรียนหรือการทำงานในอนาคตได้อย่างลึกซึ้ง และเป็นสิ่งจำเป็นกับสถานการณ์โลกปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้น การทำธุรกิจแบบยั่งยืนไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น Carbon Credit และ Carbon Footprint “นักศึกษาสาขาการจัดการ” เมื่อได้เรียนรู้เรื่องนี้จะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจการบริหารจัดการองค์กรให้มีความยั่งยืนมากขึ้น รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน อาทิ หน่วยงานที่ดูแล ซึ่งการมีระบบการจัดการคาร์บอนที่ดีจะช่วยให้องค์กรลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
ส่วน “นักศึกษาสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ”และ “นักศึกษาหลักสูตรการตลาดยุคดิจิทัล” จะเป็นประโยชน์อย่างมากในแง่ของการคำนึงถึงการประกอบธุรกิจในระดับโลก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และการที่สินค้าของเราผลิตขึ้นมาโดยคำนึงถึงปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และช่วยให้เราสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจารย์สุรชัย ย้ำว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มุ่งมั่นปลูกฝังจิตสำนึกด้านความยั่งยืน ผ่านการบูรณาการหลักสูตร การจัดกิจกรรม และการสนับสนุนโครงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหลักสูตร DPU Core ซึ่งนักศึกษาต้องเรียนตั้งแต่ชั้นปีแรกจนปีสุดท้าย เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และปฏิบัติจริง และพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
“ภาพง่ายๆ ที่เกิดขึ้นจริงแล้วในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่นักศึกษาจัดขึ้นทุกๆ กิจกรรมนักศึกษาจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและพยายามลดการสร้างขยะ ลดของเสียจากกิจกรรมต่างๆ และไม่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม ถ้าจำเป็นที่ต้องซื้อก็จะมีกระบวนการจัดควบคุมวัสดุที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ซื้อเกิน ไม่ซื้อเยอะ เพราะการเก็บรักษาต้องใช้ทรัพยากรในการดูแล สิ่งที่นักศึกษาได้เรียนรู้นี้จะนำไปปรับใช้ได้ในวันหน้า การลงทุนทำธุรกิจของตนเองไม่ใช่แค่ทำให้โลกดีขึ้นแต่ยังลดต้นทุน และเมื่อต้นทุนลดและยอดขายเพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่งกำไรที่มากขึ้น แปลว่าโอกาสที่ธุรกิจมีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนก็เป็นไปได้มากขึ้น” อาจารย์สุรชัย กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี