จากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สู่เจ้าของธุรกิจความงาม “ธภัทร ประภาสะโนบล” ศิษย์เก่า DPU ที่พัฒนาความสำเร็จด้วย DNA ผู้ประกอบการ
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในธุรกิจความงามที่เชี่ยวกราก "ธภัทร ประภาสะโนบล" บัณฑิตหนุ่มจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เขาไม่ได้ใช้กลยุทธ์การตลาดหวือหวา แต่กลับใช้ "ความเชื่อมั่น" และ "ความจริงใจ" เป็นอาวุธลับ นำทางสู่คลินิกความงามที่ลูกค้า "ศรัทธา" และ "วางใจ" ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และนี่คือเรื่องราวของบทพิสูจน์ว่า "DNA ผู้ประกอบการ" ที่ถูกปลูกฝังจาก DPU สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้จริง ไม่ว่าจะเริ่มจากสายงานใด
ปลูกถ่ายหัวใจนักธุรกิจ
ธภัทร เล่าว่า แม้เขาจะเริ่มต้นชีวิตด้วยความรักความชอบในไอที และเลือกที่จะเป็นนักศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (ปัจจุบันสังกัด CITE : วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี) แต่ด้วยความพิเศษของหลักสูตรที่ DPU วางไว้ให้เรียน ไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อหาด้านไอที แต่ตอนนั้นก็เริ่มมีการสอดแทรกความรู้ด้านธุรกิจลงไปด้วยตลอด โดยเฉพาะวิชา "แผนธุรกิจ" หรือวิชาที่นักศึกษาเรียกกันว่า วิชา “เถ้าแก่น้อย” ที่ได้เรียนในช่วงใกล้จบ ทำให้เขามองเห็นภาพที่กว้างขึ้น และจุดประกายความคิดของเขาให้อยากเป็นเจ้าของกิจการ
“ตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องทำงานไอทีนี่แหละ แต่พอใกล้จบมีวิชาเถ้าแก่น้อย สอนเรื่องแผนธุรกิจเข้ามา ทำให้ผมเหมือนมองภาพได้กว้างขึ้น ว่าเราอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ” ธภัทรเผยความรู้สึกในครั้งนั้น
วิชานี้ยังเป็นเสมือน "ประกายไฟ" ที่ส่องสว่างนำทางให้เขามองเห็นซึ่ง “โอกาส” ที่กำลังผลิบานในธุรกิจความงาม โดยเขาเล่าว่า หลังจากทำงานประจำอยู่ 1 ปี เพื่อสั่งสมเงินและประสบการณ์ เขาก็ตัดสินใจที่จะก้าวเข้าสู่ถนนความงาม แม้จะไม่มีพื้นฐานความรู้มาก่อน
แต่ด้วย "DNA ผู้ประกอบการ" ที่ถูกปลูกฝังจาก DPU ทำให้เขากล้าที่จะเรียนรู้และลงมือทำ โดยเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ และทดลองทำ การเปิดคลินิกความงามของธภัทร ที่เขาบอกเป็นการ "เสี่ยงดวง" นั้น จึงเป็นการเสี่ยงที่มาพร้อมกับการปรับตัวและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยมีทักษะ เช่น "ทักษะการเอาตัวรอด" และ "ทักษะการปรับตัว" เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เขาสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
“ธุรกิจความงามกำลังมา เรารู้สึกว่าเราน่าจะไปตรงนี้ แล้วพยายามศึกษาว่าควรจะทำในรูปแบบไหน โดยที่ตอนแรกไม่มีความรู้เลย ก็ถามจากคนนั้นคนนี้ และศึกษาเอา และก็ลองเสี่ยงดวงเปิดเอา เปิดแล้วก็ปรับตัว คือความรู้จากที่ DPU นอกจากความเป็นผู้นำจากการได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผมกล้า ผมยังได้สกิลการเอาตัวรอดและปรับตัวไปได้เรื่อยๆ เพราะที่มหาวิทยาลัย เขาไม่ได้อยากให้เราเป็นลูกจ้างคน แต่เขากำลังเสิร์ฟนักศึกษาออกไปเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ จนประสบความสำเร็จในแบบของผม” เขากล่าว
7 ปี บน ‘ความเชื่อมั่น’ และ ‘ความจริงใจ’
เสียงรถไฟฟ้า MRT วิ่งผ่านสถานีบางซ่อนซึ่งเป็นที่ตั้งของคลินิกไป แต่ชื่อเสียงของ “ธภัทร” ยังคงก้องกังวานในใจของลูกค้ามาตลอด 7 ปี แม้ธุรกิจความงามของเขาจะมีเพียงสาขาเดียว แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างสูง เพราะธภัทรเลือกที่จะ "สร้างความผูกพัน" และ "ความไว้วางใจ" กับลูกค้า โดยเขาบอกว่า “ผมดูแลลูกค้าด้วยตัวเองทุกเคส” พร้อมกับให้คำแนะนำด้วยความจริงใจ ทำให้ลูกค้ามีความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเขา
“คลินิกผมเป็นคลินิกแรกๆ เลย ที่ไม่มีทีมขายหรือเซลล์” เขากล่าว พร้อมกับบอกว่าจุดนี้เป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากที่อื่น การเป็นเจ้าของธุรกิจทำให้เขาสามารถให้คำแนะนำลูกค้าด้วย “ความซื่อสัตย์” และ “จริงใจ” โดยไม่ต้องกังวลเรื่องยอดขาย และยังสามารถแนะนำสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละรายร่วมกับแพทย์อย่างใกล้ชิด ทำให้การดูแลเหมาะสมกับแต่ละบุคคลจริงๆ จนทำให้ลูกค้าช่วยกันบอกต่อและเกิดเป็นการประชาสัมพันธ์คลินิกที่ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนที่สุด และทำให้ธภัทรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งเกิดวิกฤติโควิด-19 และจากความใส่ใจในการดูแลลูกค้าอย่างดีตรงนี้เอง ทำให้ธุรกิจของธภัทรไม่เคยมีเคสหลุดหรือข้อร้องเรียนเลยสักครั้งเดียว
“ที่คลินิกยังไม่มีเคสหลุดหรือคอมเพลนเลยครับ เพราะเราให้ความสำคัญกับการ consult มากกว่าการมาปุ๊บแล้วขายๆ ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าจะขยายสาขา ผมก็จะไม่ดูแลสาขาอื่นได้ เพราะว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ Personal brand ของผมเอง" เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะสำหรับ “ธภัทร” ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ตัวเลข แต่เป็นการได้ทำสิ่งที่รัก และการได้เห็นลูกค้ามีความสุข
กล้าคิด กล้าฝัน กล้าลงมือทำ
จากจุดเริ่มต้นที่ไม่มีอะไรเลย “ธภัทร” ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความกล้าที่จะคิดและฝันคือ ก้าวแรกที่สำคัญของความสำเร็จ เขาเริ่มต้นธุรกิจความงามโดยไม่มีข้อมูลหรือลูกค้าในมือ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ เขาได้สร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง โดยธภัทรได้แนะนำน้องๆ ที่อยากประสบความสำเร็จอย่างหนักแน่นว่า "เมื่อเรากล้าที่จะคิดและฝัน โอกาสก็จะเข้ามาหาเราเอง"
นอกจากนี้ การที่ธภัทรเปลี่ยนจากสายไอทีมาสู่ธุรกิจความงามแสดงยังให้เห็นว่า “การปรับตัวและการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ” ด้วย DNA ของนักธุรกิจ ที่ได้รับการปลูกฝังจาก DPU ทำให้ธุรกิจของเขาสามารถอยู่รอดได้แม้ในช่วงวิกฤต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เขาบอกว่า คนรุ่นใหม่ควรมีเพื่อให้ธุรกิจยั่งยืน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็ตามในอนาคต
“สกิลที่เด็กยุคนี้จะต้องมีอีก คือ สิ่งที่ DPU มีอยู่แล้ว ซึ่งดีมากๆ ไม่ว่าจะสกิลของการบริหาร สกิลของการสร้างนักธุรกิจ วันนี้คุณอาจจะบอกว่าคุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แม่ค้าออนไลน์ แต่ถ้าคุณไม่มีสกิลที่สามารถสร้างองค์กรหรือสร้างธุรกิจ ธุรกิจที่ทำก็อาจไม่ยั่งยืน หรือประสบความสำเร็จ เช่น โควิด-19 เราจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเราไปรอด โดยที่ไม่เอาพนักงานออกซักคนเดียว แต่ทุกวันนี้ที่ผมยืนมาได้ 7 ปี เพราะมี DNA ของนักธุรกิจเหล่านี้ สกิลการแก้ไขปัญหา การปรับตัว การเอาตัวรอด ที่ DPU สอนผมให้แสวงหาโอกาส ไม่รออยู่เฉยๆ นั้นคือความหมายของผู้ประกอบการ”
“ผมไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยอื่นสอนไหม แต่สำหรับมหาวิทยาลัย DPU แห่งนี้ ผมว่าผมได้อะไรเยอะมาก” ธภัทรกล่าวทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี