กรุงเทพฯ,30มกราคม2568–ปตท.สผ. แจ้งผลการดำเนินงานปี 2567 ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการ G1/61ในอ่าวไทย และการขยายการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอลจีเรียนำส่งรายได้เข้ารัฐเพื่อการพัฒนาประเทศไทยกว่า 50,450ล้านบาท อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2567 ที่ 9.625บาทต่อหุ้นปี 2568 ตั้งงบประมาณ2.61แสนล้านบาทมุ่งเพิ่มการผลิตและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในไทยรองรับการใช้พลังงานและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าสำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในโครงการG1/61(แหล่งเอราวัณปลาทองสตูลและฟูนาน)ขึ้นมาสู่ระดับ800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและยังคงรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ.ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project)ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดยมีแผนจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา จากหน่วยงานรัฐของอาบูดาบีแล้วโดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย(FID) ในปีนี้
ปตท.สผ. ยังได้เข้าซื้อหุ้นทุน (Share Capital) ในสัดส่วนร้อยละ 34 ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการทูอัท (Touat Project) ที่ร้อยละ 22.1โดยโครงการนี้เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศแอลจีเรีย มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะสามารถเพิ่มรายได้ ปริมาณการขาย และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้แก่บริษัทได้ทันทีเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น
ด้านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalXซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Solutions) เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) ที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลตลอดห่วงโซ่ธุรกิจอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งบริษัทยังได้เริ่มพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (Data Foundation) ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งองค์กรโดยมีมาตรฐานเดียวกันพร้อมกับได้พัฒนา X.brainซึ่งเป็น AI Engine ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของบุคลากรให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกระดับชั้นภายในองค์กรให้มีความพร้อมและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ (Digital Citizens) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่าง ๆส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และลดระยะเวลาการทำงานลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านการดำเนินงานเพื่อเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Greenhouse Gas Emissions)ภายในปี 2593 นั้น ปตท.สผ. สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมตั้งแต่ปี 2563 ได้ประมาณ 4.08 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ผ่านการจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ เช่น การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการคัดเลือกโครงการที่มีความเข้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำเข้ามาใน Portfolio รวมทั้งยังได้ร่วมฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่ป่า 200,000 ไร่ ภายในปี 2573 เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในปี 2567 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้เข้ารัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวน 50,450ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และG2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 327,415ล้านบาท (เทียบเท่า9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78,824ล้านบาท (เทียบเท่า 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมจากโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานปี 2568รองรับความต้องการการใช้พลังงานในประเทศต่อไป
อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลปี 2567 ที่9.625บาทต่อหุ้น
จากผลการดำเนินงานในปี 2567 คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ที่ 9.625บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิที่ร้อยละ 49 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 38,211ล้านบาท ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 4.50 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567ส่วนที่เหลืออีก 5.125บาทต่อหุ้น จะจ่ายในวันที่ 22 เมษายน 2568 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2568ซึ่งส่วนหนึ่งของเงินปันผลดังกล่าว จะถูกนำส่งให้กระทรวงการคลังผ่านการถือหุ้นในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ปตท.สผ. เพื่อการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ปี 2568 ลงทุนกว่า 2.61แสนล้านบาทสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศอย่างต่อเนื่อง
ปตท.สผ. ได้ตั้งประมาณการดำเนินงานปี 2568ไว้ที่261,940 ล้านบาท(เทียบเท่า 7,819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งงบประมาณดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดตามผลกำไรในปีที่ผ่านมาเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมการสำรวจพัฒนา และเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียม รองรับความต้องการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนรวมทั้งลดภาระการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ โดยปตท.สผ. จะนำงบประมาณไปใช้ในการดำเนินแผนงานในการรักษาและการเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยจากโครงการ G1/61 โครงการG2/61 โครงการอาทิตย์ โครงการเอส 1 โครงการคอนแทร็ค4และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเร่งพัฒนากลุ่มโครงการสำรวจในประเทศมาเลเซีย (Malaysia Greenfields)โครงการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโมซัมบิกให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน ไปพร้อมกับแผนงานเร่งการสำรวจในประเทศไทยและมาเลเซีย รวมถึงการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้สำรองงบประมาณสำหรับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เช่น พลังงานลมนอกชายฝั่งและเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศและสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี