4 หน่วยงานด้านการจัดการความรู้ประเทศไทย ผนึกกำลังยกระดับพัฒนาความสามารถจัดการความรู้องค์กร สู่เศรษฐกิจฐานความรู้และความยั่งยืนของประเทศไทย จัดเต็มกิจกรรมตลอดปี 2568
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ผู้บริหาร 4 หน่วยงานหลักในนามเครือข่ายการจัดการความรู้ประเทศไทย (Thailand Knowledge Management Network) ประกอบด้วย ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD, รศ.ดร.บวร ปภัสราทร ผู้อำนวยการสถาบันคลังสมองของชาติ (KNIT), ดร.วินเซนต์ ริเบียร์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันที่ปรึกษาด้านการจัดการความรู้และนวัตกรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (IKI-SEA) และ ดร.อัมพร แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TRIS) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และส่งเสริมกระบวนการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนความรู้ ความคิด และนวัตกรรมให้กับองค์กรของไทย อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ของประเทศต่อไป
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ OKMD กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมพัฒนาเครือข่ายการจัดการความรู้ประเทศไทย โดยเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้องค์กร การพัฒนาองค์กรและการบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อร่วมแบ่งปันยกระดับและพัฒนาความสามารถด้านการจัดการความรู้ขององค์กร และความสามารถในการแข่งขันสนับสนุนการพัฒนาสู่เศรษฐกิจฐานความรู้และความยั่งยืนของประเทศไทย โดยทั้ง 4 หน่วยงาน จะร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงร่วมแลกเปลี่ยนบุคลากร เครื่องมือ ระบบสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยีทางวิชาการ
ดร.ทวารัฐ กล่าวถึง แผนกิจกรรมที่เครือข่ายฯ จะดำเนินการในปี 2568 ว่า จะมีการจัดกิจกรรมสัมมนาวิชาการทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ เพื่อความสร้างความตระหนักต่อการจัดการความรู้ผ่านการนำเสนอข้อมูลความรู้จากผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญร่วมกับองค์กรเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมศึกษาวิจัยในข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ทั้งในรูปแบบของการวิจัย สำรวจข้อมูล วิเคราะห์และประมวลผลเพื่อให้สามารถนำเสนอสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการสร้างสมรรถนะบุคลากรให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการจัดการความรู้และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจัดการความรู้ การพัฒนาองค์กร และการพัฒนาบุคลากร ตลอดจนกิจกรรมสนับสนุนการขยายฐานสมาชิกให้กับเครือข่าย เพื่อร่วมสร้างการรับรู้ในความสำคัญของการจัดการความรู้ โดยเฉพาะองค์กรที่นำการจัดการความรู้มาขับเคลื่อนองค์กร
ดร.บวร กล่าวว่า วัตถประสงค์ของการจัดตั้ง สถาบันคลังสมองของชาติ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของภาครัฐในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ โดยการระดมผู้เชี่ยวชาญในประเด็นและสาขาที่ต้องการอย่างทันการณ์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ศึกษาค้นคว้าให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะทางวิชาการตอบโจทย์ของประเทศ และได้ริเริ่มแนวคิดใหม่ๆ ทางวิชาการอันจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาเชิงรุกของประเทศ โดยการศึกษาค้นคว้าวิจัย และทดสอบเพื่อนำความคิดริเริ่มใหม่ๆ เสนอต่อภาครัฐ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคเอกชน รวมทั้งใช้กลยุทธ์ในการหนุนเสริมเพื่อสร้างความเข้มแข็งของสถาบันอุดมศึกษา ใช้ประโยชน์จากพลังของบุคลากรของอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศและสังคม ตลอดจนวิจัยเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาระบบอุดมศึกษา
“การยกระดับประเทศจากประเทศกำลังที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง จำเป็นจะต้องดำเนินการหลายเรื่องไปพร้อมๆ อาทิ การเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และการเมือง การก้าวไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่มีพื้นฐานความรู้ที่ดีและเข้มแข็ง การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ และภูมิปัญญาของบุคลากรในประเทศ โดยต้องดึงภูมิปัญญาจากสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งรวมปัญญาขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรคลังสมอง มาผนวกเข้ากับภูมิปัญญาจากหน่วยงานและองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม สร้างขึ้นเป็นเครือข่ายความร่วมมือทางปัญญา เพื่อนำความรู้มาเป็นพลังในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิผล และยั่งยืน” ดร.บวร กล่าว
ขณะที่ ดร.วินเซนต์ กล่าวว่า สถาบัน IKI-SEA เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม โดยมุ่งเน้นการให้เครื่องมือ ความรู้ และภาคีเครือข่ายที่จำเป็นต่อองค์กรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ ทั้งหลักสูตรวิชาการ การฝึกอบรมสำหรับองค์กร หรือโครงการที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เช่น รางวัล MIKE Award โดยสถาบัน IKI-SEA มุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานด้านการจัดการความรู้และนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก ด้วยความเชี่ยวชาญทางธุรกิจเชิงลึกและประสบการณ์การประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง สถาบัน IKI-SEA สามารถช่วยให้องค์กรบรรลุผลลัพธ์ที่จับต้องได้ พร้อมยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
“สถาบัน IKI-SEA ให้บริการที่ปรึกษา การฝึกอบรม สัมมนา เวิร์กชอป การจัดกิจกรรมต่างๆ การอำนวยความสะดวก การฝึกสอน และบริการให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนดำเนินการและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความรู้ การจัดการนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรและกลยุทธ์การเรียนรู้ขององค์กร เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาและมีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ให้บริการแก่องค์กรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก” ดร.วินเซนต์ กล่าว
ด้าน ดร.อัมพร กล่าวว่า หลังปี 2000 โลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลให้ข้อมูลสารสนเทศ และความรู้มีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ เราได้เห็นการเปลี่ยนผ่านของอำนาจทางเศรษฐกิจและสังคม จากองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้านทรัพยากร ไปสู่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านข้อมูลและอินเทอร์เน็ต ซึ่งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือหลัก และในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการและพัฒนาองค์กร ทริสได้ติดตามพัฒนาการของการจัดการความรู้อย่างต่อเนื่อง
“ตราบใดที่การพัฒนาด้านการจัดการความรู้ ยังคงก้าวหน้าต่อไป ทริสยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ TKMN ในการส่งเสริมความเข้าใจถึงบทบาทสำคัญของ KM ในการบริหารจัดการและพัฒนาองค์กรไทยให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศ อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งทริสได้ให้คำปรึกษาและมีส่วนร่วม ในการพัฒนาองค์กรเหล่านี้ในหลากหลายด้าน” ดร.อัมพร กล่าว
สำหรับเครือข่ายการจัดการความรู้ประเทศไทย (TKMN) ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดย OKMD, TRIS, KNIT และ IKI-SEA เพื่อส่งเสริมประโยชน์ของแนวปฏิบัติด้านการจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย โดย TKMN มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และการแบ่งปันความรู้ระหว่างมืออาชีพ นักวิชาการ และธุรกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี