วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส  DPU เสริมประสบการณ์วิชาชีพ นักศึกษาแพทย์แผนไทยปี 4 ผ่านกิจกรรม “แพทย์แผนไทยสัญจร” เปิดรับบริการประชาชนบุคลากรและนักศึกษาปรึกษาปัญหาสุขภาพ

วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส (College of Health and Wellness: CHW) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดกิจกรรม “แพทย์แผนไทยสัญจร” เปิดโอกาสให้ประชาชนบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเข้ารับคำปรึกษาปัญหาสุขภาพจากนักศึกษาแพทย์แผนไทยชั้นปีที่ 4 ภายใต้การดูแลของอาจารย์ ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2568 บริเวณศูนย์เรียนรู้และหอสมุด มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจากผู้ป่วยจริง เรียนรู้การวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหลากหลาย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ ผ่านการให้บริการแก่บุคลากรและนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรแพทย์แผนไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้ถึงแนวทางการเรียนและการประยุกต์ใช้ศาสตร์แพทย์แผนไทยในชีวิตประจำวันได้

ดร.พท.ชยานนท์ เชาวน์วุฒิกุล อาจารย์ประจำหลักสูตรการแพทย์แผนไทย เปิดเผยว่า ภายในกิจกรรมมีการให้บริการทางการแพทย์แผนไทยที่ครอบคลุมหลายด้าน เริ่มตั้งแต่ การคัดกรองและซักประวัติสุขภาพ ของผู้เข้ารับบริการ พร้อมตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อวิเคราะห์ "จุดอ่อนสุขภาพ" ตามศาสตร์แพทย์แผนไทย โดยอาศัยหลักการคำนวณจากวัน เดือน ปีเกิด และลักษณะร่างกายของผู้ป่วย เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพระยะยาว แม้ว่าบางอาการอาจยังไม่แสดงออกในทันที แต่การตรวจเชิงป้องกันจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคในอนาคต

หลังจากวินิจฉัยอาการแล้ว นักศึกษาจะดำเนินกระบวนการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ได้แก่ การนวดรักษา ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการปวดเฉพาะจุด เช่น ออฟฟิศซินโดรม ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ไมเกรน และนิ้วล็อค โดยใช้การนวดแบบราชสำนักและเส้นประธานสิบ ซึ่งแตกต่างจากการนวดเพื่อผ่อนคลายทั่วไป การพอกตาด้วยสมุนไพรฤทธิ์เย็น เป็นการบำบัดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมองโทรศัพท์เป็นเวลานาน โดยใช้ไข่ขาวจากไข่เป็ดและสมุนไพรที่ช่วยดูดซับความร้อน ลดอาการปวดศีรษะและไมเกรน

นอกจากนี้ยังมี การอบกระโจมสมุนไพร ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย และฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต โดยใช้ไอน้ำจากสมุนไพรแทนการอบไอน้ำแบบทั่วไป ส่วนการรักษาด้วย หัตถการ "เผายา" การรักษาด้วยความร้อนจากเครื่องยาสมุนไพร เพื่อเพิ่มธาตุไฟเฉพาะจุด ช่วยรักษาภาวะธาตุไฟหย่อน กระจายลม ลดบวมน้ำ และปรับสมดุลธาตุในร่างกาย

ดร.พท.ชยานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเปิดให้บริการในวันแรกพบว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่เข้ารับบริการส่วนใหญ่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง ขา และอาการเมื่อยล้าของดวงตา รวมถึงอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบภายในของสตรี เช่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน ซึ่งอาจต้องมีการใช้ยาสมุนไพรเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นจนถึงวันสุดท้ายของกิจกรรมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568

กิจกรรม "แพทย์แผนไทยสัญจร" ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสให้นักศึกษาได้เตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขามองเห็นแนวทางในอนาคตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในโรงพยาบาล คลินิกแพทย์แผนไทย หรือการประกอบอาชีพอิสระ นอกจากนี้ นักศึกษายังได้ฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการดูแลผู้ป่วยจริง ซึ่งเป็นประสบการณ์สำคัญที่ช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ อันเป็นเป้าหมายสำคัญของหลักสูตรแพทย์แผนไทยที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงและการให้บริการสุขภาพแก่สังคม พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับศาสตร์แพทย์แผนไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

.-008