สสส. สานพลัง พอช. และภาคีเครือข่าย เร่งแก้ปัญหา PM2.5 ขับเคลื่อนป่าชุมชน 16 จังหวัด 60 พื้นที่ หนุนเสริมชุมชนบริหารป่าลดการเผา และจัดการป่าอย่างยั่งยืน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มูลนิธิพัฒนาชุมชนภาคเหนือ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการบริหารจัดการป่าชุมชน เพื่อลดปัญหาฝุ่นควัน ส่งเสริมสุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ มุ่งเน้นให้ชุมชนมีองค์ความรู้ และมีศักยภาพในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีตัวแทนจากป่าชุมชน 60 แห่งจาก 16 จังหวัดทั่วประเทศ แลกเปลี่ยนแนวทางและขยายผลการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ในระดับท้องถิ่น สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ กล่าวว่า สถานการณ์ PM2.5 ในไทยยังวิกฤต กระทบประชาชนกว่า 38 ล้านคน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท โดยหนึ่งในสาเหตุหลักของฝุ่น PM2.5 คือ การเผาในที่โล่งและการจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหานี้ สสส. จึงร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการป่าชุมชน 15 พื้นที่ และขยายผลเป็น 45 พื้นที่ ครอบคลุมทั่วทุกภาค 16 จังหวัด ผ่านแนวทางคณะกรรมการป่าชุมชน เสริมหนุนบทบาทชุมชนในการดูแลป่า สร้างเครือข่ายป่าชุมชน พัฒนานวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากป่า ลดรายจ่ายสร้างรายได้ เพิ่มแรงจูงใจในการไม่เผาป่า แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน ควบคู่กับการบริหารจัดการป่าอย่างเป็นระบบ ดังนั้นการผลักดันมาตรการเชิงรุก และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การสนับสนุนพี่น้องชุมชนในการขับเคลื่อนป่าชุมชนในช่วงที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ได้เริ่ม ดำเนินการโครงการขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเมื่อปี 2566 ได้ชวนพี่น้องประชาชนมาทำป่าชุมชนต้นแบบ 15 พื้นที่ สิ่งที่พบคือชุมชนมีพลังในการขับเคลื่อนไปด้วยกันและได้เรียนรู้ระหว่างกันในพื้นที่ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจแทนชุมชนเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่ยังสามารถทำประโยชน์จากป่าได้
จึงมีความตั้งใจว่านอกจากการทำป่าชุมชนธรรมดาแล้ว อยากจะทำเรื่องของคาร์บอนเครดิต อยากทำให้เกิดป่าชุมชน ที่ไม่ใช่การปลูกต้นไม้อย่างเดียว แต่สามารถทำเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวชมชนได้พร้อม ๆ กันได้ อยากเชิญชวนพี่น้องป่าชุมชนทั้งหมด ลองมาช่วยกันคิดว่า ทำอย่างไรที่ไม่ใช่แค่ปลูกป่า แต่ถ้าเราปลูกพื้นที่ที่มีเงินทองงอกเงยเต็มไปหมดและทำให้เกิดประโยชน์เต็มที่มากที่สุด พื้นที่ป่าที่มีอยู่จะกลายเป็น ป่าชุมชนต้นแบบของประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้การดำเนินงานโครงการขยายผลการจัดการป่าชุมชน เพื่อลดฝุ่นควันและสร้างสุขภาวะชุมชนในปีนี้ มีพื้นที่ปฏิบัติการในภาคเหนือตอนบน 3 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง 2 จังหวัด ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ภาคตะวันตก 3 จังหวัด และภาคใต้ 2 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 16 จังหวัด
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี