ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แนะ สมุนไพรไทยโอกาสใหม่ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ สู่การสร้างอาชีพด้านสุขภาพสำหรับนักศึกษา
ปัญหาการนอนไม่หลับ กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้สูงอายุ ที่พบอาการดังกล่าวมากขึ้น งานวิจัยทางการแพทย์ชี้ว่า การนอนหลับมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน กระบวนการเมตาบอลิซึม และการซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย หากพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้าย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อม
ดร.คณิศร์ณิชา ชาญภา ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า อาการนอนไม่หลับสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพร ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่ายานอนหลับแผนปัจจุบัน เพราะไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงหรือความเสี่ยงต่อภาวะดื้อยาและการเสพติด โดยอาการนอนไม่หลับสามารถเกิดจากปัจจัยหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. ปัญหาทางสุขภาพ โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ปอด ไทรอยด์ หรือปัญหาทางเดินหายใจ ภาวะปวดเรื้อรัง เช่น ไมเกรน ปวดข้อ หรือปวดกล้ามเนื้อ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรืออัลไซเมอร์ 2. ปัญหาทางจิตใจและพฤติกรรม ความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า ส่งผลให้สมองไม่สามารถเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย การใช้ชีวิตที่ผิดพฤติกรรม เช่น เล่นมือถือก่อนนอน หรือเข้านอนดึกเป็นประจำ ภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) ที่อาจเกิดจากการทำงานของสารสื่อประสาทผิดปกติ 3. การบริโภคสารกระตุ้น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา โกโก้ ซึ่งสามารถกระตุ้นสมองได้นานถึง 8-14 ชั่วโมง และแอลกอฮอล์และบุหรี่ มีผลต่อสารเคมีในสมอง ทำให้วงจรการนอนผิดปกติ
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ยังระบุอีกว่า ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับสามารถสังเกตความรุนแรงของอาการได้ 3 ระดับ ได้แก่ 1.นอนไม่หลับชั่วคราว (Transient Insomnia) เกิดขึ้นเป็นระยะสั้น ๆ มักเกิดจากความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เช่น การเดินทางข้ามโซนเวลา 2.นอนไม่หลับเป็นระยะ ๆ (Intermittent Insomnia) มีอาการนอนไม่หลับซ้ำ ๆ เป็นช่วง ๆ อาจเกิดจากความเครียดเรื้อรังหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และ 3.นอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) มีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันเกิน 3 สัปดาห์ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังหรือภาวะทางจิตเวช
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ยานอนหลับที่ใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ Benzodiazepines & Z-drug ซึ่งมีฤทธิ์กดระบบประสาท ช่วยให้หลับเร็ว แต่มีความเสี่ยงเกิดอาการดื้อยาและเสพติด มีผลข้างเคียง เช่น มึนงงในวันถัดไป อาการขาดยา (Rebound Insomnia) และภาวะสูญเสียความจำ โดยตัวอย่างยา ได้แก่ Diazepam (Valium), Zolpidem ส่วนกลุ่ม Non-Benzodiazepines & Melatonin มีผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยตัวอย่างยา เช่น Suvorexant, Ramelteon และข้อเสียของยาแผนปัจจุบัน คือ เสี่ยงต่ออาการเสพติดและดื้อยา และอาจมีผลข้างเคียงต่อสมองและระบบประสาท
อย่างไรก็ตาม ดร.คณิศร์ณิชา กล่าวอีกว่า การรักษาด้วยสมุนไพรเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น รากวาเลอเรียน (Valerian Root) ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล ดอกคาโมมายล์ (Chamomile) มีสารอะพิจีนินช่วยให้หลับง่ายขึ้น ใบขี้เหล็ก มีสารบาราคอลช่วยให้หลับลึก ลดอาการกระสับกระส่าย ลาเวนเดอร์ (Lavender) กลิ่นช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้สงบ กระดังงาไทย ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียด
“จากการวิจัยทางคลินิกของยาสมุนไพรรักษาโรคนอนไม่หลับโดยได้รับความอนุเคราะห์การเครื่องมือในการประเมินผลการวิจัย คือ Sleep Lab ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ พบว่า ตำรับยาแก้นอนไม่หลับ ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย สามารถช่วยให้อาสาสมัครมีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยใช้ Athens Insomnia Scale และ Electroencephalography (EEG) เป็นตัววัด โดยวิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับด้วยพฤติกรรมบำบัด คือปรับพฤติกรรมการนอน เข้านอนให้ตรงเวลา และปิดไฟก่อนนอน หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น งดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน ฝึกสมาธิและโยคะ มีผลวิจัยสนับสนุนว่าสามารถช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ดนตรีบำบัด ฟังเพลงที่มีจังหวะช้า ๆ ช่วยให้สมองสงบก่อนนอน และการนวดแผนไทย ช่วยปรับสมดุลระบบไหลเวียนเลือดและลดความเครียด ดังนั้น การเลือกใช้สมุนไพรและการปรับพฤติกรรม ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการรักษาอาการนอนไม่หลับอย่างปลอดภัยและยั่งยืน” ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ระบุเพิ่มเติม
ทางด้าน รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส (CHW) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า “วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส” มีนโยบายและขับเคลื่อนการพัฒนาบริการสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทยที่มีคุณภาพสูง ที่สามารถสร้างนวัตกรรมสุขภาพในการนำยาสมุนไพรไทยมาป้องกันและรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้ โดยทางวิทยาลัยฯ ได้พัฒนาศักยภาพการบริการทางคลินิกแพทย์แผนไทยและการพัฒนาการผลิตยาสมุนไพรอย่างครบวงจร มีการเปิดบริการด้วย DPU คลินิกการแพทย์แผนไทย และการสร้างโรงงานผลิตยาสมุนไพรมาตรฐาน ASEAN GMP เสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจประเมินโดย อย. การมุ่งเน้นการพัฒนายาสมุนไพรไทยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามความต้องการของตลาดโลกนับเป็นโอกาสดีของประเทศไทย
ที่ผ่านมาทางวิทยาลัยได้ประสบความสําเร็จในการวิจัยและพัฒนาตํารับยาแผนไทยที่เป็นตํารับยาสมุนไพรชนิดสกัดเข้มข้น จำนวน 270 ตำรับ มีสรรพคุณที่ดีในการช่วยรักษาโรคไม่ติดต่อชนิดเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวโลกถึง 71 เปอร์เซ็น และก่อให้เกิดวิกฤตสุขภาพของมนุษยชาติในปัจจุบันที่มีผลต่อทั้งคุณภาพชีวิตและการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โรคไม่ติดต่อชนิดเรื้อรังที่เป็นต้นเหตุการณ์เสียชีวิตจำนวนมาก เช่น โรคหัวใจหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ เป็นต้น เป็นที่น่าสังเกตว่าในปัจจุบันอัตราการเกิดโรคทางสมองก็พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น ซึมเศร้า เครียด นอนไม่หลับ อัลไซเมอร์ ฯลฯ เป็นต้น อันเป็นตัวบ่งชี้ว่ามนุษยชาติกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตมากขึ้น
ทางวิทยาลัยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาได้พัฒนาระบบการบริการสุขภาพด้วยแพทย์แผนไทยพรีเมียม การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง มีการส่งเสริมการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยผู้ผลิตสมุนไพรไทยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจได้อย่างครบวงจรตามเกณฑ์มาตรฐานสากล อันจะช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในระดับสากล ในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาระบบการศึกษาแพทย์แผนไทยที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาบุคลากรทั้งในระดับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครบทุกสาขา ปริญญาตรี และปริญญาโท สอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่มุ่งสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี