พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระเมตตาเอื้ออาทรราษฎรทุกหมู่เหล่า
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาโดยตลอด เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของราษฎร โดยเฉพาะราษฎรชาวไทยภูเขา ที่ขาดความรู้ในการทำกิน มีอาหารไม่เพียงพอบริโภค พระองค์จึงพระราชทานความช่วยเหลือ และมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการต่าง ๆ ขึ้น เพื่อใช้เป็นแหล่งจ้างงาน ในขณะเดียวกันก็ให้ราษฎรได้มาศึกษา เรียนรู้ วิธีการเพาะปลูก การทำการเกษตรที่ถูกต้อง สามารถยืนได้ด้วยกำลังของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชกระแสรับสั่ง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525 ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริของพระองค์จึงเป็นเรื่องของการพัฒนา เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างเกื้อกูลกัน มีอาชีพที่มั่นคง ไม่ต้องละทิ้งถิ่นฐาน หรือออกจากป่าไปหางานทำ ยุติการทําไร่เลื่อนลอย รวมทั้งการพัฒนาอาชีพต่าง ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ชนบท ทรงสังเกตเห็นว่าชาวบ้านจะใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม เป็นผ้าพื้นถิ่น อย่างผ้าไหมจะนิยมใส่ในพื้นที่ภาคอีสาน ผ้าฝ้าย และผ้าปักจะนิยมในพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนชนเผ่าชาติพันธุ์จะใส่ชุดประจำเผ่ามารับเสด็จ
พระองค์จึงมีพระราชดำริในเรื่องของงานศิลปาชีพ โดยให้นำศิลปะท้องถิ่นมาฟื้นฟูและคงความเป็นเอกลักษณ์ไว้ พร้อมทั้งหาครูช่างพื้นถิ่นที่มีความรู้ ความสามารถมาฝึกและพัฒนาให้งานมีมาตรฐาน แล้วจึงถ่ายทอดแก่ชาวบ้านและผู้สนใจ เช่น การทอผ้าไหม การทอผ้าท้องถิ่น งานผ้าปัก งานจักสาน เป็นต้น รวมทั้งหาตลาดรองรับสินค้าเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาอื่น ๆ ได้แก่ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรพื้นที่สูง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการหมู่บ้านยามชายแดน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และโครงการฟาร์มตัวอย่างจะมีมากในภาคใต้ และภาคอีสาน เป็นต้น
“จากการประเมินผลของ สํานักงาน กปร. พบว่าชาวบ้านมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงกว่าเกณฑ์ สะท้อนว่าโครงการต่าง ๆ ที่พระราชทานไว้นั้นสามารถสร้างประโยชน์แก่ราษฎรอย่างชัดเจน นอกจากนี้ในทุกปียังมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานพร้อมกับเชิญถุงพระราชทานและเสื้อกันหนาว จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและราษฎร ในขณะเดียวกันก็ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ในคราวเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสานรักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาองคมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านห้วยหยวกป่าโซ และโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านห้วยหญ้าไซ จังหวัดเชียงราย” นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว
นายคมสันต์ มาเยอะ ประธานกลุ่มปลูกกาแฟและชาอัสสัมบ้านห้วยหยวกป่าโซ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ บ้านห้วยหยวกป่าโซ ได้รับประโยชน์หลายอย่าง ทั้งได้ทำงานในสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ ทำให้มีรายได้มั่นคง ได้รับความรู้ในการทำเกษตรที่ถูกวิธีไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ ทำให้ผลผลิตดีมีคุณภาพ ขายได้ราคา ต่างจากเมื่อก่อนที่ทำไร่เลื่อนลอยต้องถางป่า เผาป่า เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกทุกปีทำให้ป่าลดน้อยลง ผลผลิตไม่แน่นอน บางปีขายไม่ได้ราคาหลังจากได้นำความรู้ที่ได้จากสถานีฯ มาปลูกกาแฟ และ ชาทำให้มีรายได้ดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ดีอย่างเห็นได้ชัด โดยฤดูการผลิตปี 2567 ชาอัสสัม ในกลุ่มสามารถเก็บใบสดได้ 330,000 กิโลกรัม และกาแฟกะลาได้ 24,600 กิโลกรัม ปัจจุบันจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตชาและกาแฟบ้านห้วยหยวกป่าโซ โดยมีบริษัทสานพลังอเมซอนเข้ามารับซื้อผลผลิตทั้งหมด
“เมื่อก่อนมีรายได้ต่อครัวเรือนไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี หลังมีสถานีฯ ปี 2565 ถึง 2568 ครัวเรือนมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อปี ลูกหลานได้เรียนหนังสือในชั้นสูง ๆ ถึงแม้เเราเป็นชนเผ่าอาข่า ก็ได้อยู่บนผืนแผ่นดินของในหลวงทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องความเป็นอยู่ ก็คิดถึงพระองค์ท่าน ท่านดูแลเหมือนลูกหลานของท่านเอง ไม่ใช่ชนเผ่าที่เป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศไทย วันนี้ตื้นตันใจและดีใจมากที่ท่านองคมนตรีเปรียบเสมือนผู้แทนพระองค์เดินทางมาเยี่ยม และมีสิ่งของพระราชทานมามอบให้ ทุกคนดีใจมาก” นายคมสันต์ มาเยอะ กล่าว
นางสาวอินทิรา เยอต๊ะ เกษตรกรในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถบ้านห้วยหญ้าไซ เปิดเผยว่า ทางโครงการฯ ได้สนับสนุนให้ปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ใหญ่ ปลูกกล้วย ปลูกสตรอเบอรี ถั่วดำ ถั่วแดง และพืชผักต่าง ๆ สำหรับกาแฟจะส่งไปขายที่ดอยช้าง ส่วนพืชผัก ถั่วดํา ถั่วแดง จะขายให้กับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ฯ บ้านห้วยหญ้าไซ “เมื่อก่อนทำงานรับจ้างรายวัน ไม่มีที่ทำกิน ต่อมาได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินจากโครงการ 2-3 ไร่ มาทำนา ส่วนกาแฟจะปลูกใต้ต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่โครงการฯ และปลูกป่าไม้เสริมทุก ๆ ปี วันนี้ดีใจที่ท่านองคมนตรี และคณะเดินทางมาเยี่ยมประชาชนในโครงการ อยากขอบคุณพระองค์ท่านที่ไม่ทอดทิ้งประชาชน พระองค์ทรงเมตตากรุณาให้ประชาชนในพื้นที่ ช่วยให้มีที่อยู่ ที่ทํามาหากินในทุกวันนี้” นางสาวอินทิรา เยอต๊ะ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี