4 พ.ค.62 เมื่อเวลา 16.43 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จพระทับพระราชยานพุดตานทอง ด้วยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร แล้วเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบรมราชบุพการี ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า ทรงพระมาลาเส้าสูง เสด็จออกเกยหน้าพระทวารเทเวศรรักษา ประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปเทียบเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว เสด็จฯ ขึ้นชานพระอุโบสถ
พลอากาสโท ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี กราบบังคมทูลรายงานเครื่องราชสักการะที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทานให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยเชิญไปถวายเป็นพุทธบูชาปูชนียสถานสำคัญตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ 10 แห่ง ดังนี้ พระพุทธบาท วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี, พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก, พระมหาธาตุ วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย, พระธาตุหริภุญชัย วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน, พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม, พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช, พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม, พระธาตุ วัดพระสงห์ จังหวัดเชียงใหม่, พระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร, พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
แล้วเสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดห้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ในที่ชุมนุมสงฆ์ และพระบรมวงศานุวงศ์ กับข้าราชการ ความว่า
"แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตรศรัทธาเลื่อมใส และระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เถลิงถวัลยราชสมบัติ บรมราชาภิเษก แล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า กับได้รับการจัดการให้ความคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยดีว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด"
ขณะนั้นพระสงฆ์ 80 รูป มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานพร้อมกันเปล่งสังฆวาจา “สาธุ” 3 ครั้ง แล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายอดิเรก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระอุโบสถไปยังปราสาทพระเทพบิดร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะแล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแล้ว เสด็จออกจากปราสาทพระเทพบิดร เสด็จฯ ไปยังเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เสด็จเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนม์มวาร พระบรมอัฐิ พระอัฐิ และเครื่องราชสักการะถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการีแล้ว พระสงฆ์สวดมาติกา จบ ทรงทอด ผ้าไตรพระสงฆ์ 22 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก และถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปประทับพักพระราชอิริยาบทชถ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เจ้าพนักงานตั้งบายสีแก้ว ทองเงิน พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน ข้าราชบริพารในพระองค์รับแว่นเวียนเทียนสมโภชหมู่พระมหามณเฑียร