วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ในปัจจุบันพรรณไม้น้ำสวยงามหรือพรรณไม้น้ำประดับตู้ปลามีมากกว่า 250 ชนิด สาหร่ายจัดเป็นพรรณไม้น้ำสวยงามอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงาม ได้แก่ สาหร่ายพุงชะโด (Ceratophyllum demersum) สาหร่ายหางกระรอก (Hydrilla verticillata) สาหร่ายฉัตร (Limuophila heterophylla) สาหร่ายเดนชา (Egeria densa) และบัวสาหร่าย (Cabomba caroliniana) (http://www.dei.ac.th/index/content/farm_008.html) นอกจากสาหร่ายที่เป็นพืชชั้นสูงเหล่านี้แล้ว ยังมีสาหร่ายสีเขียว (green algae) ที่เป็นพืชชั้นต่ำที่นิยมนำมาใช้ประดับตู้ปลา คือ สาหร่ายคลาโดฟอรา (Cladophora sp.) เป็นพรรณไม้น้ำในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวเซลล์รูปทรงกระบอกที่มีการเจริญเติบโตเป็นเส้นสายแบบแตกแขนงยาวคล้ายเส้นผม มีคลอโรพลาสต์แบบร่างแหกระจายอยู่ทั่วเซลล์ เมื่อเซลล์ยังอ่อนคลอโรพลาสต์เป็นแผ่นและอาจจะเป็นตาข่ายเมื่อเซลล์แก่ มีไพรีนอยด์อยู่ทั่วไปในคลอโรพลาสต์ คลาโดฟอรามีการเจริญเติบโตในธรรมชาติ 3 ลักษณะ คือ 1) เจริญเติบโตบนก้อนหิน (epilithic) โดยทั่วไปมักพบในบริเวณเงาของก้อนหิน2) เจริญเติบโตเป็นแผ่นคล้ายผ้าขนสัตว์ปกคลุมอยู่บนพื้นผิวน้ำ (blanket weed) 3) เจริญในลักษณะเป็นลูกบอลกลม โดยการเกิดบอลของคลาโดฟอราเกิดจากการย่อยสลายของผนังเซลล์แก่ และเซลล์ที่เกิดใหม่จะค่อยๆ เจริญเติบโตและแตกแขนงอย่างหนาแน่นห่อหุ้มเซลล์ที่ตายแล้วจนกระทั่งปิดสนิทกลายเป็นลูกกลมๆ (Action, 1916)
ชาวญี่ปุ่นเรียกสาหร่ายคลาโดฟอราที่มีการฟอร์มตัวเป็นลูกกลมๆ ว่า มาริโมะ (Marimo) ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นคำว่า “มาริ” มีความหมายว่า ลูกบอลกลมๆ ส่วน “โมะ” มีความหมายว่า พืชจำพวกสาหร่ายหรือตะไคร้น้ำ คลาโดฟอราบอลในญี่ปุ่นที่พบส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตในทะเลสาบ Akan ของเกาะฮอกไกโด อัตราการเจริญเติบโต 5-10 มิลลิเมตรต่อปี โดยมีขนาดใหญ่ถึง 20-30 เซนติเมตร คลาโดฟอราบอลหรือมาริโมะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของเกาะฮอกไกโด เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความเชื่อตามนิทานปรัมปราของชาวไอนุว่า คลาโดฟอราบอลหรือมาริโมะ เกิดจากการที่ชายหนุ่มและหญิงสาวซึ่งเป็นคู่รักกันจมน้ำตาย แล้วหัวใจของทั้งสองมาหลอมรวมกันเป็นลูกกลมของคลาโดฟอรา (อาภารัตน์, 2547) หากผู้ใดได้ครอบครองจะสมหวังในเรื่องความรัก ความสุขและโชคลาภดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงถือเป็นของขวัญอันล้ำค่า ซึ่งนิยมมอบให้แก่กันในช่วงปีใหม่ ส่วนชาวอังกฤษเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า คลาโดฟอราบอล (Chladophora ball) หรือมอสบอล (moss ball)ค้นพบครั้งแรกในปี 1824 โดย Dr.Anton E Sauterที่ทะเลสาบ Zeller ประเทศออสเตรีย
(http://www.users.globalnet.co.uk/~xeno/lakeballs.htm)
ในปัจจุบันคลาโดฟอราบอลเป็นที่ต้องการในท้องตลาดของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย สำหรับราคาของคลาโดฟอราบอลที่ขายในไทยขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่งขนาดที่นิยมมีตั้งแต่ 1 เซนติเมตร ไปจนถึง 10 เซนติเมตร มีราคาตั้งแต่ 100-800 บาท สำหรับการดูแลคลาโดฟอราบอลจะมีการเปลี่ยนน้ำทุก 1-2 สัปดาห์หรืออาจจะมีการเปลี่ยนบ่อยขึ้นในช่วงฤดูร้อน (http://en.wikipedia.org/wiki/Marimo) คลาโดฟอราบอลจะช่วยขจัดของเสียจากการขับถ่ายของปลาและใช้เป็นแหล่งอาหารในการเจริญเติบโต รวมทั้งนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเกิดจากการหายใจของปลาไปใช้ในการสังเคราะห์แสง ซึ่งผลจากการสังเคราะห์แสงของคลาโดฟอราบอลจะทำให้ได้ก๊าซออกซิเจนซึ่งปลาสามารถนำไปใช้ในการหายใจได้ ดังจะเห็นได้ว่า คลาโดฟอราบอลนอกจากให้ความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในการบำบัดของเสียในตู้ปลาจึงไม่น่าแปลกใจที่คลาโดฟอราบอลจะเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
มยุรี ตั้งธนานุวัฒน์, ขวัญจิต ควรดี
ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี