.
เจ้าภาพยังคงเป็นชาติที่ครองแชมป์โลกได้อีกครั้ง คราวนี้คือ อาร์เจนติน่า กลายเป็นชาติที่ 5 ที่รับบทบาทเป็นเจ้าภาพแล้วสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จต่อจาก อรุกวัย, อิตาลี, อังกฤษ และ เยอรมันตะวันตก
เส้นทางของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบรอบแรกอยู่ในกลุ่ม 1 ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะ ฮังการี 2-1 ตามด้วยการเฉือนเอาชนะ ฝรั่งเศส ที่มี มิเชล พลาตินี่ เป็นจอมทัพด้วยสกอร์เดียวกัน ก่อนที่นัดสุดท้ายจะพ่ายให้กับ อิตาลี 0-1 เข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
รอบสอง “ฟ้าขาว” อยู่ในกลุ่มบี เกมแรกเอาชนะ โปแลนด์ ได้ 2-0 จากการเหมาคนเดียวสองประตูของ มาริโอ เคมเปส ก่อนที่นัดที่สองจะเสมอกับ บราซิล แบบไร้สกอร์ 0-0 ต้องไปวัดกันในเกมสุดท้าย ซึ่งทัพฟ้าขาว สามารถถล่มเอาชนะ เปรู 6-0 ทำให้มี 5 คะแนนเท่ากับ บราซิล แต่ทว่าลูกได้เสียดีกว่า ส่งผลให้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เนเธอร์แลนด์ ที่หวังจะลบล้างความผิดพลาดในครั้งที่แล้ว
เกมนัดชิงชนะเลิศ อาร์เจนติน่า ออกนำไปก่อน 1-0 จาก มาริโอ เคมเปส ก่อนที่ เนเธอร์แลนด์ จะตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงท้ายเกมจาก ดิ๊ค นานนินก้า ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ มาริโอ เคมเปส มาซัดประตูให้ อาร์เจนติน่า ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 และเป็น แดเนี่ยล แบร์โตนี่ ที่มาซัดประตูตอกฝาโลงช่วยให้ อาร์เจนติน่า ต่อเวลาพิเศษเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก ส่วนขุนพลดัตช์แมนอกหักในรอบชิง 2 ครั้งติดต่อกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี