หลังจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์คนดังคนล่าสุดของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
ได้รับการบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ว่า เบอร์ 66 ที่ใส่เขาก็พอใจแล้ว
ปกติเรื่องแบบนี้กว่าจะบอกก็ต้องโน่นแหล่ะ ฝรั่งเก็บไว้ตอนจบอีก 20 ปีต่อไป
กล่าวคือไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ไม่มีใครต้องการให้ใส่เบอร์น้อยๆ เหมือนนักบอลทั่วไป เพราะคิดว่าคนใส่เบอร์น้อยๆ คือพวกขาใหญ่ และประสบความสำเร็จกันแล้ว
เทรนท์ ประเดิมเริ่มแรกให้กับทีมด้วยวัยเพียงแค่“16” ปี เท่านั้น ในเกมช่วงปรีซีซั่น เจอกับ สวินดอน ทาวน์ เมื่อปี 2015
นัดนั้น เทรนท์ ใส่หมายเลข 2
เพื่อความเหมาะสมในท้องเรื่อง เกมต่อมากับ ทรานเมียร์โรเวอร์ส ทีมบ้านเรือนเคียงกันคนละฟากฝั่ง เมอร์ซี่ย์ กับเบอร์เค่น เฮด
เทรนท์ ใส่หมายเลข 66
พร้อมกับไม่เคยขอเปลี่ยนเบอร์เลยนับจากนั้น
“วันนี้เขาประสบความสำเร็จหลายรายการด้วยวัยเพียง21 ปีเท่านั้น แต่เขายังคงนอบน้อมและทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่างนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ สิ่งที่เขาขอผมเพิ่มเติมเพียงอย่างเดียวก็คือครึ่งหลังขอเสื้อแขนยาวให้ผมใส่ได้หรือไม่” ลี แรดคลิฟฟ์ผู้ประสานงานการจัดการชุดอุปกรณ์ของสโมสร เปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อน
เทรนท์ บนวัยนี้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องทั้ง แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์ซูเปอร์คัพ และแชมป์สโมสรโลก
มีเรื่องน่าสนใจเล่าสู่กันฟัง
.........นับตั้งแต่มีการกำหนดหมายเลขเสื้อ พร้อมติดชื่อสกุลในศึกพรีเมียร์ลีก 1993 เป็นต้นมา
เป็นเรื่องปกติที่นักบอลจะเลือกเบอร์เสื้อ จากนั้นก็เปลี่ยนเบอร์เสื้อที่ใส่ เช่นเดียวกับบรรดาแข้งสเกาเซอร์หลายคนในทีมที่เริ่มต้นจากการเป็นดาวรุ่งในทีม ก่อนจะโตมาเป็นยุคสไปซ์บอย
เรียกกันง่าย ๆ ก็คือ “เบอร์แจ้งเกิด” นั่นแหล่ะ
ว่ากันถึงพวกสเกาเซอร์ตัวพ่อผู้โด่งดัง.................
l เปลี่ยนเบอร์แล้วมีปัญหา...จริงหรือ?!?!
สตีฟ แม็คมานามาน ปีกลิเกจากบูเทิ่ล ที่โดดเด่นและแจ้งเกิดมาก่อนยุคพรีเมียร์ลีก ให้ทั่วโลกได้รู้จัก “เลือดใหม่”ที่ใส่ “เบอร์ 10” ในนัดชิงเอฟเอ คัพ 1992 แทนที่ จอห์น บาร์นส์และเป็นนักบอลที่ไม่ใช่ “สตีฟ แม็คมาน” อวตารชื่อมา
“ลิตเติลแม็ค สตีวี่” เริ่มต้นด้วยการใส่เบอร์ 17 อย่างเป็นทางการในปี 1993 ก่อนจะเติบใหญ่ขึ้นมาใส่เบอร์ 7 แทน ไนเจล คลัฟ ซีซั่น 1996-97
บางคนคิดเหมือนกันว่า ตอนใส่ เบอร์ 17 ดูเหมือนกับว่าแม็คก้า เล่นได้อย่างร้อนแรง แต่พอใส่เบอร์ 7 แล้วดูมันหนักๆ อืดๆ และแปลกๆ ไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนเดิม
คนต่อมาคือ “เดอะ ก๊อด” ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ หัวหอกจากท็อกซ์เท็ธ
“ก๊อด ฟาวเลอร์” เฉิดฉายสุดๆ ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามเริ่มต้นด้วยการใส่เบอร์ 23 ในปี 1993 แล้วเล่นได้อย่างต่อเนื่องในหมายเลขนี้
จากนั้น เอียน รัช อำลาแอนฟิลด์ ครั้งที่ 2 และตลอดกาลในฐานะนักบอลเมื่อซีซั่น 1996-97 ฟาวเลอร์ ก็เสียบในเบอร์นี้ทันที
กระทั่งกลับมาสู่ทีมอีกครั้งในปี 2006 ฟาวเลอร์ ก็ข้ามมาใส่ หมายเลข 11
หลายคนก็บอกเหมือนกันว่า ฟาวเลอร์ ตอนใส่เบอร์ 23 ยิงได้เด็ดขาดกว่าตอนใส่เบอร์ 9
หากมองตามสถิติหมายเลข 23 แล้ว ฟาวเลอร์ ใส่ลงสนาม 3 ซีซั่น ยิงไป 18, 31 และ 36 ประตูตามลำดับจากนั้นพอใส่เบอร์ 9 ฟาวเลอร์ ยิงได้สูงสุดคือ 31 ประตูในปีแรกที่ใส่เบอร์ 9 จากนั้น ก็ตกลงฃมา 13, 18, 3 และ 17 ประตูถือว่าน่าแปลกมากๆ
เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมในตอนนั้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญยุคสไปซ์บอย ซีซั่น 1995-96 ที่เหลือดีแต่ไม่มีจะรับประทาน “เรดเดอร์” เจมี่ เรดแนปป์ ที่ไม่ใช่สเกาเซอร์ ก็เปลี่ยนเบอร์เหมือนกันจาก 15 มาเป็น 11 แทนที่ มาร์ค วอลเตอร์สปี 1996-97 ก็ฟอร์มตกไม่เหมือนกับใส่หมายเลขเดิม
จะสังเกตได้ว่าทั้ง แม็คก้า, ก๊อด และเรดเดอร์ เปลี่ยนหมายเลขพร้อมกันในซีซั่น 1996-97 ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองนีล “เรเซอร์” รัดด็อค ปราการหลังสายโหด ก็เปลี่ยนจากเบอร์ 25 กลายเป็นเบอร์ 14 แทนที่ แยน โมลบี้ จากนั้นก็ฟอร์มไม่ดีจนต้องย้ายออกไป
เรดแนปป์ ก็เจ็บแบบคืนฟอร์มตัวเองไม่ได้ จนต้องย้ายออกไปเช่นกัน
l เปลี่ยนเพื่อให้เป็นตำนานตลอดไป
สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือนักฟุตบอลที่เปลี่ยนหมายเลขเสื้อมากที่สุดของสโมสรคนหนึ่งก็ว่าได้
ตลอดการเล่นที่แอนฟิลด์เฉพาะที่เทิร์นโปรยาวนาน 17 ปี“สตีวี่จี” ใช้ไปทั้งหมด 3 หมายเลขด้วยกัน
เริ่มต้นด้วยการใส่เบอร์ 28 แทนที่ นิกกี้ ริซโซ่ ในปี 1998-99 จากนั้นขยับมาใส่เบอร์ 17 ในปี 2000 ที่เบอร์นี้ว่างมา 1 ซีซั่นเต็มๆ นับตั้งแต่การออกไปของ พอล อินซ์
ก่อนจะใส่หมายเลข 8 แทนที่ เอมิล เฮสกี้ เมื่อซีซั่น 2004-05 เริ่มต้นในยุคใหม่ของสโมสรกับกุนซือ ราฟา เบนิเตซ จากนั้น เจอร์ราร์ด ก็ใส่เบอร์ 8 กระทั่งเลิกเล่นให้ทีมปี 2015
จนหลายคนอยากจะให้รีไทร์หมายเลขเสื้อนี้ให้กับเจอร์ราร์ด ไปเลย เพราะสถิติที่ทำไว้มากมายเหลือเกินในฐานะนักบอลท้องถิ่นที่ซื่อสัตย์อย่างที่สุด ในยุคเงินใช้ผีโม่แป้ง
เนื่องจากแบรนด์หมายเลข 8 ของ เจอร์ราร์ด มีค่ามหาศาลอย่างมากในเชิงการพานิชย์ในช่วงที่ เจอร์ราร์ด ยังอยู่กับทีม แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งของสโมสรอยู่เช่นเดิม
l “ไม่เปลี่ยน”แต่ก็เพื่อเป็นตำนานทีม
หลายคนเลิกคิ้วสงสัย แล้วอดีตดาวยิงอย่าง ไมเคิลโอเว่น ที่ผันตัวเองไปเป็นตำนานสโต๊คแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เปลี่ยนเบอร์ล่ะหรือ!?!?!
เขาก็เปลี่ยนจากเบอร์ 18 ที่ใส่แทน ฟิล ชาร์น็อค มาเป็นเบอร์ 10 ในปี 1998-99
แต่ โอเว่น ไม่ใช่สเกาเซอร์ เขาเกิดที่เชสเตอร์ ไม่ใช่เมอร์ซี่ย์ไซด์ หรือ เบิร์คเค่นเฮด
แต่มี สเกาเซอร์สายพันธุ์แท้ เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของเมืองในยุคหลังที่เป็นตัวจริงยาวนาน และไม่เปลี่ยนหมายเลขเสื้อเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ เจมี่ คาร์ราเกอร์
คาร์ร่า ขึ้นมาเล่นปีแรกในชื่อของ เจมส์ คาร์ราเกอร์ ซีซั่น 1996-97 ด้วยการประเดิมสนามแล้วพังประตูได้ทันที จากตำแหน่งที่ยืนวันนั้นคือมิดฟิลด์ตัวรับ ในเกมกับ แอสตัน วิลล่า
ดาวเตะจากบูเทิ่ล บ้านเดียวกับแม็คก้า ใส่หมายเลข 23แทนที่ ฟาวเลอร์ ที่ไปใส่เบอร์ 9 ซึ่งปีนั้นเบอร์ใกล้ๆ กับ คาร์ราเกอร์ถือเป็นนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกันรายล้อมไปหมด
เบอร์ 21 โดมินิค มัตเตโอ ลูกครึ่งสก็อตติช-อิตาเลียน แม้จะไม่เป็นสเกาเซอร์ แต่มาอยู่อะคาเดมี่ตั้งแต่ 10 ขวบ
เบอร์ 22 เจมี่ คาสไซดี้ หนึ่งในเด็กท้องถิ่นขนานแท้จากชุดแชมป์ยูธเอฟเอ คัพ 1996 แทรกตัวขึ้นมาได้เบอร์เสื้อ
เบอร์ 24 ลี โจนส์ กองหน้าดาวรุ่งจากเวลส์ที่มาอยู่กับทีมตั้งแต่ยังไม่ครบ 20 ขวบ ตอนนั้นกำลังต่อสู้อย่างหนักหลังจากขาหักถึงสองหน
เบอร์ 25 เดวิด ธอมป์สัน ปีกร่างเล็กจากฝั่งธนฯลิเวอร์พูล หรือ เบิร์คเค่นเฮด ที่กำลังขึ้นมาท้าทายตำแหน่งรุ่นพี่และได้เสื้อเดิมของ เรเซอร์ รัดด็อค
นับเป็นรุ่นสายเลือดสเกาเซอร์เบ่งบานรอบสุดท้ายของสโมสร
คาร์ราเกอร์ นับเป็นคนเดียวที่รอดจากชุดนั้น และอยู่กับทีมยาวมาแบบ “วัน คลับ แมน” และไม่เปลี่ยนหมายเลขเสื้อตลอดอาชีพการค้าแข้ง
.........ขณะที่เรื่องของ เทรนท์ น่าสนใจตรงที่ ฟุตบอลสมัยใหม่ เรื่องของภาพลักษณ์ เรื่องของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง สำคัญอย่างมากๆ ต่อโลกธุรกิจในยุคปัจจุบัน
3 นักเตะในทีมชุดใหญ่อย่าง อลิสซอน เบคเกอร์, โรแบร์โต้ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เหล่านี้เปลี่ยนเบอร์เสื้อกันทั้งหมด
ที่สำคัญก็คือ เปลี่ยนแล้วมูลค่าดูดีขึ้นอีกด้วย
เบคเกอร์ จากเบอร์ 13 มาเป็นหมายเลข 1
ฟีร์มิโน่ จากเบอร์ 11 มาเป็นเบอร์ 9
มาเน่ จากเบอร์ 19 มาเป็นเบอร์ 10
ทั้งหมดเป็นนักเตะหลักของสโมสร แต่ไม่ใช่เด็กท้องถิ่น
ประเด็นคือ เด็กท้องถิ่นคือความภูมิใจของสโมสร และปัจจุบัน เทรนท์ มีมูลค่าจากการเล่นฟุตบอลที่เป็นฟูลแบ๊กที่แอสซิสต์ยิ่งกว่าตัวรุก
ดังนั้นจะใช้เบอร์เดิมก็เท่ดี เป็นเบอร์แจ้งเกิดไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือถ้าเปลี่ยนเพื่อปรุงราคามูลค่าทางเชิงการตลาดให้ดียิ่งขึ้น ก็ไม่แปลกอะไร
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เทรนท์ ก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับหมายเลขเสื้อเบอร์นี้
ฟันธงอีกทีว่า โอกาส “เปลี่ยน” มีมากกว่า “ไม่เปลี่ยน”!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี