“ข้าว” เป็นอาหารหลักและพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยก่อนที่จะมาเป็นข้าวให้เราบริโภคได้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการสีข้าวจากข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร ในกระบวนการดังกล่าวจะมีขั้นตอนการขัดขาว ซึ่งจะมี “รำข้าว” เกิดขึ้น ซึ่ง รำข้าว นั้นก็คือ ส่วนของจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว โดยในรำข้าวจะมีน้ำมันเป็นองค์ประกอบร้อยละ 13-20 ที่อุดมด้วยสารอาหาร ไขมันดี วิตามินอีวิตามินบี โอเมก้า3 โอเมก้า6 โอเมก้า9 และสารสำคัญอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น สารแกมมาโอรีซานอล หรือกรดไลโนเลอิกส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารเป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น
ด้วยคุณสมบัติของ “น้ำมันรำข้าว” ที่มีจุดเดือดสูงจึงเหมาะกับการนำมาประกอบอาหารประเภททอดหรือใช้ความร้อนสูงเนื่องจากไขมันในน้ำมันรำข้าว จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ง่ายเมื่อผ่านอุณหภูมิสูง ทั้งนี้หากใช้น้ำมันที่มีจุดเดือดต่ำนำมาประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูงจนเลยจุดเดือดของน้ำมัน จะทำให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าว 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ ไขมันทั้งหมด 3.1 กรัม ประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัว 2.3 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1.7 กรัม และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.5 กรัม นอกจากการนิยมนำน้ำมันรำข้าวมาประกอบอาหารแล้ว ยังมีการนำน้ำมันรำข้าวไปผลิตในรูปแบบของอาหารเสริมหรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอีกด้วย
ประโยชน์ที่หลากหลายของน้ำมันรำข้าวมีดังนี้
1.ป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด น้ำมันรำข้าวอุดมไปด้วยสารแกมมาโอรีซานอล (Gamma Oryzanol) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด หรือในกระแสเลือดได้ นอกจากนี้ ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้เป็นไปอย่างปกติยิ่งขึ้น
จึงส่งผลดีต่อระบบฮอร์โมน ผิวพรรณ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ
2.บำรุงระบบประสาทและสมอง น้ำมันรำข้าวอุดมไปด้วยกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมกรดอะมิโนไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ระบบประสาทและสมองได้รับสารอาหารมากขึ้น นอกจากนั้นยังอุดมด้วยวิตามินอีวิตามินบี โอเมก้า3 โอเมก้า6 และโอเมก้า9 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่งผลให้เซลล์สมองพร้อมใช้งาน มีความจำที่ดีขึ้น สมองปลอดโปร่งและสามารถซ่อมแซมเซลล์สมองที่สึกหรอให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
3.ป้องกันโรคมะเร็ง น้ำมันรำข้าวถือเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้ และช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อมะเร็ง
4.บำรุงผิวพรรณ น้ำมันรำข้าวไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพภายในเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะอุดมไปด้วยวิตามินอีปริมาณมาก ที่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น มีเลือดฝาด เนียนนุ่ม แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสารแกมมาโอรีซานอลที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว และมีวิตามินบีที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้
5.บำรุงสายตา น้ำมันรำข้าวมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตาได้ เนื่องจากมีสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่สามารถฟื้นฟูระบบสายตา ทำให้การมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น น้ำมันรำข้าวจึงเหมาะกับผู้ที่ใช้สายตาทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ
6.บำรุงผมและเล็บให้แข็งแรง น้ำมันรำข้าวประกอบไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผม และเล็บให้แข็งแรง มีสุขภาพดี
7.ป้องกันโรคเบาหวาน น้ำมันรำข้าวมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน จึงทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีอาการดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และยังป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้อีกด้วย
8.เสริมสร้างกล้ามเนื้อ สารแกมมาโอรีซานอลในน้ำมันรำข้าวมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน โดยสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น และยังเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย หรือนักเพาะกาย
9.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ในน้ำมันรำข้าว ประกอบด้วย แกมมาโอไรซานอล โทรโคฟีรอล โคไตรอีนอล และสารอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ผิวและภายในร่างกาย โดยน้ำมันรำข้าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีกว่าวิตามินอีถึง 8 เท่า
ถึงแม้ว่าน้ำมันรำข้าวจะมีประโยชน์มากมายดังที่กล่าวมาแล้วสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานน้ำมันรำข้าวในปริมาณมากเกินไปเพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย รวมทั้งผู้ที่มีอาการของภาวะขาดไทรอยด์ไม่ควรรับประทานน้ำมันรำข้าว เพราะสารแกมมาโอรีซานอลในน้ำมันรำข้าวอาจส่งผลต่อการทำงานของไทรอยด์ให้ลดต่ำลง รวมทั้งผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันรำข้าว เนื่องจากกรดไฟติก (Phytic acid) ในเมล็ดข้าวอาจส่งผลให้การทำงานของไตผิดปกติ
เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หากรับประทานน้ำมันรำข้าวในรูปแบบของอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพื่อที่แพทย์จะได้แนะนำปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
เรียบเรียงจาก : http://www.bejame.com/page/3
https://www.honestdocs.co/the-benefits-of-rice-bran-oil
https://www.pobpad.com/
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี