ผู้ให้การสนับสนุนถือเป็น “เลือดใหญ่” และสำคัญที่สุดของทุกวงการ ไม่เว้นแต่วงการฟุตบอล

ในเวทีพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ปี 2010 มีการเจริญเติบโตเรื่องสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อบอลพรีเมียร์ลีก นับจนถึงซีซั่น 2017 เม็ดเงินเพิ่มขึ้น 181 เปอร์เซ็นต์ มาถึงปี 2019 ที่ผ่านมาทะลุไปกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ไปเป็นที่เรียบร้อย

ทุกทีมในพรีเมียร์ลีกมีผู้ให้การสนับสนุนจากการ “คาดหน้าอก” และได้รับการอนุมัติจากพรีเมียร์ลีกให้มีโฆษณาที่ “แขนเสื้อ” ปีนี้เป็นฤดูกาลที่ 4

ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตในวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนานมากๆ และเป็นเงินที่จุนเจือสโมสรมาตั้งแต่ยังไม่มีพรีเมียร์ลีก อยู่คู่กับบอลอังกฤษมานานถึง 40 ปีแล้ว หรือเมื่อซีซั่น 1979

วันนี้เรามาจำแนกกันว่า ใครได้เงินตรงจุดนี้จากใครกันบ้าง

ผู้ผลิตชุดแข่งขัน

ผู้ผลิตเสื้อพรีเมียร์ลีก ในปีนี้มีกระจายออกไปถึง7 แบรนด์ด้วยกัน

แชมป์เป็นของสามแถบสะท้านโลก “อาดิดาส” เจ้าเก่าที่ยังคงครองตลาดมากที่สุด รวม 7 ทีม หลังจากเคยสูงสุดที่ 8 สโมสรต่อซีซั่น

ขณะที่ พูม่า กับ ไนกี้ เข้าวินเป็นลำดับที่สองเหมือนกันโดยจัดทำเสื้อแบรนด์ละ 4 ทีม โดยที่ อัมโบร ที่เป็นสินค้าเจ้าถิ่นหนึ่งเดียวได้ผลิตสองทีม

น้องใหม่หน้าเดิมกลับมาอีกครั้งก็คือ ฮุมเมล ที่เคยมาดังในช่วงยุคปลายทศวรรษที่ 90 ปีนี้มาผลิตให้ เอฟเวอร์ตัน โดยผลิตหนึ่งทีมเท่ากับ อันเดอร์ อาร์มอร์ และแคปป้า

อาดิดาส : วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม, อาร์เซนอล

ไนกี้ : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ลิเวอร์พูล, เชลซี, ไบรท์ตันแอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

พูม่า : เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, คริสตัล พาเลซ

อัมโบร : เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด, เบิร์นลี่ย์

ฮุมเมล : เอฟเวอร์ตัน

อันเดอร์ อาร์มอร์ : เซาแธมป์ตัน

แคปป้า : แอสตัน วิลล่า

คาดหน้าอก

ฟุตบอลต้องเดินไปพร้อมๆ กับผู้ให้การสนับสนุนทุกส่วนสัดทั้งในและนอกสนามทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง ธุรกิจนี้เน้นจาก “ผลงาน” และ “แบรนด์” ของสโมสร

ไม่ว่าทีมนั้นอาจจะอยู่ในช่วงที่ดี หรือช่วงที่ไม่ดี ก็ยังมี “สปอนเซอร์” หลั่งไหลเข้ามา

ก่อนหน้านี้ผลิตภัณฑ์ “เครื่องใช้ไฟฟ้า” เคยเรืองรองสุดๆในยุค’90 ในการ “คาดหน้าอก”

นาทีนี้ “ไม่แปลกใจ” ที่บริษัทรับพนันถูกต้องตามกฎหมายยืนหนึ่ง และปีนี้ คาดหน้าอกไปทั้งสิ้น 8 ทีม คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

เบิร์นลี่ย์, คริสตัล พาเลซ, ฟูแล่ม, ลีดส์, เวสต์แฮม, วูล์ฟส์ และเซาแธมป์ตัน คือรายนามทั้ง 8 สโมสร

ขณะที่ รถ กับการขนส่งทางรถ หรือ AUTOMOTIVE มี 3 ทีม คือ แมนฯยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน และแอสตัน วิลล่า

ธนาคารมี 2 แห่งที่สนับสนุน คือ ลิเวอร์พูล กับไบรท์ตัน

สายการบิน 2 แห่งเช่นกัน คือ อาร์เซนอล กับแมนฯซิตี้

ที่เหลืออีก 5 ทีม แตกต่างกันออกไปคือ สเปอร์ส กับประกันภัย, เลสเตอร์ กับ ร้านค้าปลอดภาษี, เชลซี กับระบบโทรคมนาคม, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กับบริษัทไฟแนนซ์ และเวสต์ บรอมวิช กับ เครื่องสุขภัณฑ์

เสื้อรุ่นใหม่กับไวรัสครองโลก

เสื้อบอลปีนี้อาจจะ “อืดกว่าเดิม” และ “ขายยากกว่าเดิม”ในยามวิกฤติโลกเช่นนี้

ผู้ผลิตก็คงจะทราบดี เมื่อคนซื้อก็มีปัญหา และคนขายก็มีปัญหาตามมาด้วย

อีกทั้งแบบเสื้อในยุคใหม่ ออกแนวแบบสตรีท ทำให้บางอย่างมันอาจจะยังไปด้วยกันไม่ได้กับฟุตบอล

หลายคนบอกว่า “อกหัก” กับการออกแบบ แต่ถามว่าซื้อมั้ย ยังไงก็ต้องซื้อ

หลายคนบอกว่า “สวยดี” กับการออกแบบ แน่นอนว่าซื้อมั้ย ยังไงก็ต้องซื้อ

แต่หนักสุดก็คือ หลายคนบอกว่า ไม่ซื้อแน่นอน หรือถ้าซื้อคือของปลอม

ก็แล้วแต่แฟนฟุตบอล เพราะการซื้อเสื้อบอลจริงหรือพวกเหมือนกว่าของแท้(AAAAA+) ไม่ได้หมายว่า คุณคือแฟนบอลตัวจริง หรือที่ใช้จนเกร่อว่าแฟนพันธุ์แท้ แฟนของแท้แฟนของจริง

ใจคุณต่างหาก เงินในกระเป๋าต่างหากที่สำคัญกว่าสิ่งใด

เพียงแต่ถ้าซื้อของจากสโมสร ไม่ว่าจะเป็นอะไร เงินก็จะเข้าคงคลังของทีมไปพัฒนาต่อเพื่อฟอร์มการเล่นในสนาม

บางสโมสรยิ่งหนักเข้าไปใหญ่สามารถออกแบบ “เสื้อซ้อม”ให้สวยกว่า “เสื้อแข่ง”

แฟนบอลบางท่านหล่นความคิดไว้น่าสนใจว่า เป็น “แผนการตลาดอันแยบยล” กว่าที่หลายคนคาดคิดเอาไว้

นั่นเพราะว่า ต้องการขายของให้ได้สองทาง

หนึ่งคือ เสื้อแข่ง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของสาวกที่ชัดเจนที่สุด ยังไงก็ต้องซื้อ

สองคือ เสื้อซ้อม ด้วยความสวยงาม ยังไงก็ต้องซื้อ!!!!!

สรุปคือ ซื้อมันให้หมดทุกทาง....ดักหน้าดักหลัง....ว่างั้นเหอะ!!!!

บี แหลมสิงห์