"The Beautiful Game" คือคำจัดความของฟุตบอลในยุคของ "ไข่มุกดำ" เปเล่ อัญมณีที่ทรงคุณค่ายิ่งแห่งวงการ
วันนี้ท่านอายุครบ 80 ปี
เอ๊ดสัน อารันเตส เดอ นาซิเมนโต้ คือชื่อเต็มของเขา ในสครอบครัวที่เรียกแทนเขาว่า "ดีโก้" ก่อนที่ทั่วโลกจะรู้จักในนามของ "เปเล่" นั่นคือชื่อที่เพื่อนในโรงเรียนใช้เรียกกองหน้าผู้นี้
เรื่องราวของ เปเล่ ถูกถ่ายทอดออกไปนับครั้งไม่ถ้วน การยิงประตูมากที่สุดในโลก 1,281 ประตู จาก 1,363 เกม คือสถิติโลกที่บันทึกเอาไว้ในเกม"อย่างเป็นทางการ"
ในนามแห่งทีมชาติ เปเล่ ทำสถิติลงเล่น 92 นัด ซัดไป 77 ประตู
เป็นนักกีฬาคนเดียวที่ครองแชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุด 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970
เปเล่ แจ้งเกิดจากชัยชนะบนแผ่นดินสวีเดน กับแชมป์โลกสมัยแรก บนวัยเพียง 17 ปี 249 วัน ด้วยอายุน้อยที่สุดในโลก
ภาพที่เขาร่ำไห้ปรากฏออกไปทั่วโลก จนโฟกัสว่า เด็กคนนี้เป็นใคร
ทำไมถึงยิงประตูได้ยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยทักษะ และเยือกเย็นอย่างยิ่ง
พร้อมกับระเบิดประตูได้ถึง 6 ลูก โดยเฉพาะนัดชิงชนะเลิศ ยิงได้ 2 ลูก
การกระดกบอลข้ามหัวกองหลัง แล้วซัดผ่านนายประตูสวีเดน เข้าไปเสียบตาข่าย คือที่สุดของภาพแห่งความทรงจำ และจะมีภาพนี้อยู่เสมอในเทศกาลฟุตบอลโลก
จากเด็กหนุ่มที่ชีวิตไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีเงินเรียน ต้องไปช่วยพ่อที่เป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ วิธีการซ้อมฟุตบอลของเขาคือ ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถเตะได้
ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกฟุตบอลซะด้วย!!!
เปเล่ ก้าวมาติดทีมชาติ นอกจากฝีเท้าดีแล้ว เขายังโชคดีที่รายล้อมไปด้วยสุดยอดขุนพลที่เคียงข้างเขา ทำให้ บราซิล จากเดิมที่เป็นทีมธรรมดา
กลายเป็นราชันลูกหนังโลก
ปี 1958 เขาเล่นเคียงข้างกับ ดีดี้, การ์รินช่า, มาริโอ ซากาโล่ และวาว่า
ปี 1962 เขาบาดเจ็บหนักตั้งแต่รอบแรก แต่ยังมี ดีดี้, การ์รินช่า, ซากาโล่ และวาว่า เคียงข้าง แถมยังมี ซิโต้ กับ อมาริลโด้
ปี 1970 เขาประสานพลังกับ ทอสเทา, ริเวลิโน่, แจร์ซินโญ่, เกอร์สัน และคาร์ลอส อัลแบร์โต้
4 สมัยในการเล่นฟุตบอลโลก เขายิงได้ทุกครั้ง รวมทั้งสิ้น 12 ประตู
ความอัจริยะของ เปเล่ นั่นคือ สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรุก ทั้งที่รูปร่างไม่ได้ใหญ่โตอะไร สูงแค่ 173 เซ็นติเมตร แต่เทคตัวได้ดี และสามารถทำได้ทุกอย่างในการทำให้ทีมได้ประตู
เขาได้รับการยกย่องว่า "เป็นนักเตะที่ดีที่สุด" จากตำนานนักเตะต่างยุคต่างสมัยทั้ง เฟเรนซ์ ปุสกัส, โยฮัน ครัฟฟ์, ชุสต์ ฟองแตง, บ็อบบี้ มัวร์, เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, รวมไปถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแทบทุกคน
เปเล่ เป็นแรงบันดาลใจหลาย ๆ อย่าง จากการที่ฟุตบอลโลก 1970 ถ่ายทอดสดด้วยระบบภาพสีเป็นครั้งแรก เขาโด่งดังแบบสุด ๆ และการวางตัวอันยอดเยี่ยม
ไม่แปลกที่นักเตะอย่างเขาจะกลายเป็น “เครื่องหมายการค้า” ในวงการลูกหนังโลก พร้อมกับเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกอีกด้วย
******************
ลูกบอลเทลสตาร์ 1970 เป็นลูกหนัง ที่คุ้นตา จนเป็นต้นแบบของการออกแบบลูกฟุตบอลระดับโลก ที่เราเรียกกันตามๆ กันมาว่า "บอลเปเล่" เพราะมันเกิดใน ยุคของ "ไข่มุกดำ" แห่งบราซิล ครองแชมป์โลก เป็นสมัยที่ 3 และต่อมาก็มี "บอลเปเล่" ในบ้านเราให้ฮิตกันเกร่อในยุคต่อๆ มา
ซึ่ง "เทลสตาร์" ถูกตั้งชื่อให้เกียรติกับ "เทลสตาร์ 1" ดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไป เมื่อ 10 กรกฎาคม 1962 โคจรรอบโลกเป็นวงรี โดยใช้การควบคุมการโคจรจากสถานีภาคพื้นดินที่อยู่บนโลก ดาวเทียมดวงนี้ถือว่าเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ใช้ในการสื่อสารอย่างแท้จริง และใช้ส่งรายการโทรทัศน์รวมลงมาด้วย
นั่นก็เพราะว่า บอลโลก ปี 1970 คือครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์
เปเล่ เป็นแรงบันดาลใจหลายอย่าง เพื่อนผมยังมีคนชื่อจริงชื่อ “เปเล่” สมัยเรียน ปวช.
ยาทากันยุง ก็มียี่ห้อ เปเล่
******************
ย้อนกลับเมื่อครั้ง“แซมบ้า” บราซิล เดินทางมาสร้างประวัติศาสตร์บนแผ่นดินไวกิ้ง โดยเป็นทีมแรกที่ได้แชมป์นอกทวีป และนี่คือปฐมบทของการครองแชมป์โลกสมัยแรกของพวกเขา
พร้อมกับกำเนิดซูเปอร์สตาร์แห่งวงการลูกหนังที่ครองแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 17 ปี 249 วัน ที่ชื่อว่า “เอ๊ดสัน อรันเตส เดอ นาซิเมนโต้” หรือที่โลกรู้จักกันจนถึงทุกวันนี้ว่า…..เปเล่!!!
เปเล่ ได้โอกาสลงเล่นครั้งแรก คือการออกสตาร์ทรอบแรกนัดสุดท้ายพร้อมๆ กับ “นกน้อย” การ์รินช่า ในเกมกับ สหภาพโซเวียต นั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการฟุตบอลไปตลอดกาล
ก่อนที่ เปเล่ จะเร่งเครื่องยิงในรอบน็อคเอาท์ และระเบิดแฮททริคในเกมรอบตัดเชือกกับ ฝรั่งเศส และยิงสองประตูสุดสำคัญในนัดชิงชนะเลิศที่โค่น สวีเดน 5-2
ทั้งหมดทั้งมวลมาจากการที่ เปเล่ ในวัย 9 ขวบ เมื่อปี 1950 เขาได้เห็นน้ำตาของคุณพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต กับ "โศกนาฏกรรมทางฟุตบอล" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
บราซิล พลิกล็อคแพ้ในนัดชิงดำให้กับ อุรุกวัย 1-2 ที่ชามอ่างยักษ์ "มาราคาน่า สเตเดี้ยม"
ในรอบไฟน่อล ที่ต้องแข่งแบบแบ่งกลุ่ม พบกันหมด อุรุกวัย เกือบจะเอาตัวไม่รอดเป็นฝ่ายที่ไล่ตามตีเสมอ สเปน แบบสุดมันส์ 2-2 ส่วนนัดที่สองสามารถเฉือนเอาชนะ สวีเดน ไปแบบหวุดหวิด 3-2
ในเกมนัดสุดท้ายถือว่าเป็นนัดชิงอย่างแท้จริงเจ้าภาพ บราซิล ที่มี 4 คะแนนจากการเก็บชัยชนะมาได้ 2 นัดรวด (ชนะ สวีเดน 7-1, ชนะ สเปน 6-1) ส่วน อรุกวัยมีแค่ 3 แต้ม (เสมอ สเปน 2-2, ชนะสวีเดน 3-2) ทำให้ต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น
เกมฟาดแข้งกันที่ เอสตาดิโอ โด มาราคาน่า ท่ามกลางแฟนบอลเฉียด 200,000 คน ทัพแซมบ้าได้ประตูออกนำก่อน แต่ทว่า อุรุกวัย มาทำสองประตูรวดจาก ฮวน อัลแบร์โต้ เคียฟิโน่ และอัลซิเดส กิกเกีย พลิกแซงเอาชนะ 2-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สอง ทำเอาแฟนบอลเจ้าภาพน้ำตาท่วม มาราคาน่า
จนเป็นที่มาของ Maracanazo หรือน้ำตาแห่งมาราคาน่า
ครั้งนั้น เปเล่ และพ่อของเขา "ดอนดินโญ่" ติดตามชมเกมผ่านทางโทรทัศน์ เพราะไม่มีเงินซื้อตั๋วเข้าไปชมเกม เนื่องจากครอบครัวที่ยากจน
เปเล่ บอกว่า เขาไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงานที่หนัก บาดเจ็บจากฟุตบอลจนต้องเลิกเล่น และมาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่โรงพยาบาล หรือกระทั่งต้องอดมื้อกินมื้อ
แต่พ่อก็ไม่เคยร้องไห้ให้ครอบครัวเห็น
แต่ในวันนั้น เปเล่ หรือ "ดีโก้" ได้เห็นพ่อร้องไห้ เมื่อทีมชาติบราซิลไม่ได้แชมป์โลก สมัยแรก
ทำให้เป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในกาลต่อมา........
พร้อมกับกลายเป็นบุคคลแห่งตำนานของวงการลูกหนังโลกตลอดไป.........
ตอนนี้ท่านกำลังป่วยตามวัย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง.....
#บีแหลมสิงห์
ปล.ช่วงหลังหลายคนจดจำและไปเหมือนล้อเลียนความผิดพลาดในการทำนายฟุตบอลของ เปเล่ โดยลืมไปว่า เขาเป็นใคร ซึ่งบางทีมันก็เกินงาม.....
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี